วันที่ 23 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บสารเคมีจังหวัดระยอง ถูกมองว่าเชื่อมโยงกับโรงงานที่เกิดเหตุไฟไหม้ก่อนหน้านี้ที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า ได้รับรายงานตั้งแต่เมื่อวาน (22 เม.ย.) จากอุตสาหกรรมจังหวัด ซึ่งตนเองได้สั่งการปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมและอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เข้าไปดูเรื่องนี้โดยด่วน ซึ่งต้องขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และหน่วยงานในพื้นที่ที่ช่วยเข้าไปดับเพลิง

ทั้งนี้ ช่วงกลางดึกที่ผ่านมาได้รับแจ้งว่าจัดการเปลวเพลิงได้แล้ว แต่เมื่อเช้าได้รับรายงานอีกครั้งว่ายังมีเปลวเพลิงอยู่ ซึ่งวันนี้จังหวัดระยองจะมีการประชุมอีกครั้ง รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะเข้าไปดูเรื่องคุณภาพอากาศ และปริมาณสารเคมีที่ตกค้าง

ส่วนกระแสข่าวที่มีการกล่าวถึงว่า ทั้งสองพื้นที่มีความเชื่อมโยงกัน เรื่องของเจ้าของโรงงานและการเผาเพื่อทำลายหลักฐาน เรื่องนี้ขอให้รอผลสรุปจากทางตำรวจก่อนดีกว่า เรื่องนี้เป็นมหากาพย์จริงๆ ไม่ใช่พื้นที่ในอำเภอภาชี และพื้นที่จังหวัดระยองเท่านั้น รวมไปถึงพื้นที่จังหวัดราชบุรีด้วย ซึ่งได้สั่งให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบต่อประเด็นนี้ด้วย ต้องนำความจริงมาตอบสังคมให้ได้ มันเป็นจริงตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งต้องลงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสารตกค้าง ดูคุณภาพอากาศว่ามีผลกระทบต่อประชาชนหรือไม่ รวมถึงน้ำมีการรั่วไหลลงพื้นที่คลองที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหรือไม่ ที่สำคัญที่สุด ทราบว่ามีการอพยพผู้ป่วยติดเตียงตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว

เหตุการณ์นี้ ดูมีพิรุธเกิดขึ้นหรือไม่ น.ส.พิมพ์ภัทรา ระบุว่า มีแน่นอน แต่ขอให้ทางตำรวจเป็นผู้สรุปเรื่องของคดี แต่ในส่วนของตัวเอง จะดูแลเรื่องของการกำจัดกากสารเคมีที่อยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดีอยู่ว่า จากนี้ไปการกำจัดกากที่เหลืออยู่จะทำอย่างไร ส่วนความคืบหน้าในการกำจัดกากสารเคมีในอำเภอภาชี ได้รับงบกลางที่ ครม. เพิ่งอนุมัติไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 45 วัน เนื่องจากอยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง