สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ว่า ประเทศสมาชิกอียูร่วมสนับสนุนกฎหมายเกี่ยวกับการขจัดความรุนแรงต่อสตรีฉบับแรก แม้เนื้อหาในกฎหมายดังกล่าว จะไม่ได้ให้คำจัดความของการข่มขืนก็ตาม

กฎหมายฉบับนี้ มีเป้าหมายในการปกป้องสตรีใน 27 ประเทศสมาชิกอียูจากความรุนแรงบนพื้นฐานเรื่องเพศ, การบังคับแต่งงาน, การขลิบอวัยวะเพศหญิง และการล่วงละเมิดทางออนไลน์ โดยรัฐสภายุโรปได้อนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา โดยเมื่อประเทศสมาชิกลงมติเป็นเอกฉันท์ จะถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนกลายเป็นกฎหมาย

“กฎหมายนี้จะรับประกันทั่วทั้งอียูว่า ผู้ที่กระทำผิดจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง และเหยื่อจะได้รับการช่วยเหลือตามที่เขาต้องการได้รับ” นายพอล แวน ทิกเชลต์ รมว.ยุติธรรมของเบลเยียม ระบุ

นอกจากนั้น กฎหมายฉบับนี้ได้กำหนดความผิดทางอาญา ต่อการสะกดรอยตามทางไซเบอร์, การคุกคามทางไซเบอร์ และการยุยงทางไซเบอร์ให้เกิดความเกลียดชังหรือความรุนแรง ทั่วทั้งสหภาพยุโรป โดยกำหนดโทษจำคุกขั้นต่ำตั้งแต่ 1 ถึง 5 ปี ขึ้นอยู่กับอาชญากรรม มากไปกว่านั้น หากผู้เสียหายเป็นบุตร, คู่สมรส หรืออดีตคู่สมรส บทลงโทษจะมีความรุนแรงมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการตกลงอย่างเป็นเอกฉันท์ เกี่ยวกับความสำคัญของกฎหมาย แต่การรวมคำจำกัดความของการข่มขืนทั่วทั้งอียูเข้าด้วยกัน ได้ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งในระหว่างการเจรจา โดยประเทศต่าง ๆ รวมไปถึงอิตาลีและกรีซ ต้องการคำจำกัดความของการข่มขืน ขณะที่ฝรั่งเศสและเยอรมนีคัดค้าน และโต้แย้งว่าสหภาพยุโรปไม่มีอำนาจในเรื่องนี้

นางอานา เรดอนโด รมว.ความเท่าเทียมของสเปน ยอมรับว่า เธออยากให้กฎเกณฑ์นี้ มีความทะเยอทะยานในการแก้ปัญหามากกว่านี้อีก อย่างไรก็ดี เธอมองว่ากฎหมายฉบับนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

ทั้งนี้ ประเทศต่าง ๆ ในอียู จะต้องเปลี่ยนกฎดังกล่าว ให้เป็นกฎหมายระดับชาติภายใน 3 ปี.

เครดิตภาพ : AFP