กรณีนายภูมิพันธ์ เชื้อดี หรือเสี่ยปิ๊ก mujเคยตกเป็นข่าวโพสต์ตามหาภรรยา อดีตผู้สมัคร สส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 2 นครราชสีมา ซึ่งหอบลูกสาวหนีไปอยู่กับเพื่อนในกรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นทางภรรยาได้มีการเตรียมเรื่องที่จะฟ้องหย่ากับเสี่ยปิ๊ก โดยมีการเจรจาที่มูลนิธิปาวีณาฯ และได้มีการตกลงเคลียร์ใจกับทางภรรยาจนคืนดีและมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะมาประสบอุบัติเหตุ จนทำให้เสี่ยปิ๊กเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมามุ่งหน้าจังหวัดขอนแก่น ในเขตพื้นที่ ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นั้น

ช็อก ‘เสี่ยปิ๊ก’ ที่เคยตามหาลูก-เมียผู้สมัครสส. ขับรถชนเสาไฟฟ้าดับคาที่

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อช่วงเย็นวันที่ 8 พ.ค. บรรยากาศที่ศาลา 2 วัดสะแก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพเสี่ยปิ๊ก ได้มีพิธีสวดอภิธรรม ตั้งแต่เวลา 18.00 น และจะมีวิธีสวดอภิธรรมไปอีก 2 วันก่อนที่จะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 11 พ.ค. เวลา 16.00 น.

จากการสอบถาม นางวรรณวิมล เชื้อดี อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นแม่ของผู้เสียชีวิต ทราบว่า หลังจากที่ทั้งคู่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันจนต้องเข้าพูดคุยเคลียร์ปัญหากันได้ไม่นานทั้งคู่ก็ตกลงคืนดีกันและมาอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาอีก ได้ประมาณเดือนเศษ โดยทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ ส่วนตนเองก็ปฏิบัติธรรมอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ ไม่ได้อยู่ด้วยกับลูกที่นี่ จึงไม่รู้อะไรมาก รู้ว่าทั้งคู่กลับมาคืนดีกัน ก็ดีใจ ที่หลานจะมีทั้งพ่อและแม่ได้อยู่พร้อมหน้ากัน จนมาเกิดเหตุขึ้นจึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าต้องมางานศพลูก

วันคืนเกิดเหตุ ทราบว่า ผู้ตายพร้อมภรรยาและลูก รวมทั้งเพื่อน ผู้เสียชีวิตอีก 1 คน ได้เดินทางไปเที่ยวตลาดเซฟวัน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของผู้เสียชีวิต เนื่องจากอยู่คนละฝั่งเมือง ระยะทางห่างกันประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นในช่วงกำลังเดินทางกลับบ้านพักที่จอหอ โดยมีเพื่อนผู้ตายเป็นคนขับรถ ส่วนผู้เสียชีวิตพร้อมภรรยาและลูกนั่ง ที่นั่งด้านหลัง ทั้งสามคน จนมาเกิดอุบัติเหตุขึ้นดังกล่าว

ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนั้นคาดว่าระหว่างทางมีฝนตก จึงอาจทำให้ถนนลื่น ประกอบกับคนขับรถ ซึ่งไม่ใช่คนในพื้นที่ ไม่ชินทาง จึงเป็นเหตุให้รถเสียหลักตกถนน จนมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้ ภรรยาผู้เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณสะโพกและศีรษะ นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราช ส่วนลูกสาวที่นั่งมาด้วยไม่ได้รับบาดเจ็บเลย เนื่องจากขณะเกิดเหตุพ่อได้กอดไว้ในอ้อมกอด มีเพียงแผลถลอกที่ข้อศอกเล็กน้อย ส่วนคนขับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น.