นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในโอกาสที่ตน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม เดินทางเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน (JC) ครั้งที่ 31 และการประชุมหารือด้านการคมนาคมขนส่งกับหน่วยงานภาครัฐของจีน จึงถือโอกาสนี้จัดงาน “Thailand Landbridge Roadshow” ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท ปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อเชิญชวนนักลงทุนชาวจีนร่วมลงทุนในโครงการฯ ดังกล่าว

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า การจัดงานครั้งนี้ ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคมได้ให้ข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (แลนด์บริดจ์) อาทิ โอกาสทางธุรกิจ รูปแบบการลงทุน ศักยภาพทำเลที่ตั้งของพื้นที่โครงการ และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ โดยมีนักลงทุนภาคธุรกิจของจีน ให้ความสนใจเข้าร่วมงานกว่า 30 บริษัท ประกอบด้วย ผู้ประกอบการสายการเดินเรือ ผู้ประกอบการด้านการบริหารท่าเรือ ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการด้านการเงิน ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมหลังท่า ผู้ประกอบการประกันภัย ผู้ประกอบการด้านการก่อสร้าง

อาทิ บริษัท COSCO Shipping Lines (Beijing) บริษัท Sinotrans Overseas Development  บริษัท China Harbour Engineering ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศจีน บริษัท China Railway International Development บริษัท Hutchison Ports บริษัท China Machinery Engineering Corporation บริษัท China Shandong International Economic & Technical Cooperation Grop  และบริษัท Xiaomi Corporation เป็นต้น

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า โครงการแลนด์บริดจ์ ได้กำหนดรูปแบบการลงทุนเป็นการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยรัฐบาลจะดำเนินการจัดหาที่ดินและให้สิทธิเอกชนดำเนินงาน ส่วนเอกชนลงทุนค่าก่อสร้าง บริหารจัดการและรับผลประโยชน์จากการพัฒนาโครงการเป็นระยะเวลา 50 ปี พร้อมทั้งส่งเสริมการต่อยอดอุตสาหกรรมเกษตรในพื้นที่ รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรม 5 New S-curve  ได้แก่ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics) อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ (Logistics) อุตสาหกรรมดิจิตอล (Digital) อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) ซึ่งในอนาคตโครงการแลนด์บริดจ์จะเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ระดับภูมิภาค ทั้งในเชิงพาณิชย์ และเชิงยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงมหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดียเข้าด้วยกัน ช่วยลดระยะเวลาการขนส่งทางทะเล และต้นทุนด้านโลจิสติกส์ เกิดเป็นศูนย์กลางการขนส่งและการค้าแห่งใหม่ของโลก

นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้เดินหน้าประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าว ให้นานาประเทศได้รู้จักโครงการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนที่มีศักยภาพจากหลายประเทศให้ความสนใจโครงการ อาทิ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และประเทศฝั่งตะวันออกกลาง.