ช่วง 2-3 ปีนี้ จะเห็นว่าบรรยากาศการซื้อขายทองคำเริ่มเปลี่ยนไป “ยิ่งทองคำปรับขึ้น…ยิ่งมีการเข้าซื้อ” ซึ่งแตกต่างจากภาพในอดีตที่ทุกช่วงจังหวะที่ “ทองคำปรับขึ้นทั้งนักลงทุนและประชาชนต่างพากันเข้าไปขาย” แล้วรอจังหวะเข้าซื้ออีกครั้ง เพราะทุกคนเชื่อมั่นว่า ทองคำยังมีเสน่ห์และเป็นเทรนด์ขาขึ้น…แต่นั่น สำหรับนักลงทุนระยะยาวเท่านั้น

ส่วนนักลงทุนระยะสั้น ที่ในช่วงนี้ราคาทองคำเริ่มขยับขึ้นมา หลังจากปรับลดลงไปเมื่อกลางเดือน เม.ย. 67 โดยที่

วันที่ 6 พ.ค. 67   +250 บาท

ทองคำแท่ง     รับซื้อ 40,200.00  ขายออก 40,300.00   

ทองรูปพรรณ   รับซื้อ 39,476.64  ขายออก 40,800.00   

วันที่ 7 พ.ค. 67   +100 บาท

ทองคำแท่ง     รับซื้อ 40,300.00  ขายออก 40,400.00   

ทองรูปพรรณ   รับซื้อ 39,567.60  ขายออก 40,900.00   

วันที่ 8 พ.ค. 67   0 บาท

ทองคำแท่ง     รับซื้อ 40,300.00  ขายออก 40,400.00   

ทองรูปพรรณ   รับซื้อ 39,567.60  ขายออก 40,900.00     

วันที่ 9 พ.ค. 67   0 บาท

ทองคำแท่ง     รับซื้อ 40,300.00  ขายออก 40,400.00   

ทองรูปพรรณ  รับซื้อ 39,567.60  ขายออก 40,900.00

วันที่ 10 พ.ค. 67   +500 บาท

ทองคำแท่ง     รับซื้อ 40,800.00  ขายออก 40,900.00   

ทองรูปพรรณ  รับซื้อ 40,067.88  ขายออก 41,400.00   

นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) บอกว่า “ราคาทองคำปรับขึ้นระยะนี้ แนะนำให้แบ่งขาย” เนื่องจาก

1.หลังจากนี้จะมีการประกาศตัวเลข CPI หรือดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐ

2.ประธานเฟดจะออกมากล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งอาจมีข่าวร้ายออกมา

3.เฟดมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยเพียงแค่ 1-2 ครั้งในปีนี้

4.เฟดไม่ได้สนใจเรื่องดอกเบี้ยเท่าที่ควร แต่ให้ความสำคัญกับตัวเลขเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจโลกมากกว่า

ทั้งนี้ในช่วงจังหวะที่ราคาทองคำเหวี่ยงจึงอยากให้มีการแบ่งขายที่ราคา 41,000-41,300 บาทต่อบาททองคำ และหาจังหวะเข้าซื้อที่ราคา 40,300-40,600 บาทต่อบาททองคำ