เมื่อเวลา 15.30 น.(ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปารีส ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 5 ชั่วโมง) วันที่ 16 พ.ค. ที่ท่าอากาศยานปารีส-ออร์ลี กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพบปะหารือและเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันกับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่า การทำวีซ่าฟรีเชงเกนก็ได้มีการพูดคุยกัน และยืนยันให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้พ้นการเลือกตั้งสภายุโรปในเดือนมิ.ย.นี้ก็จะดำเนินการต่อไป จึงขอเป็นเดือนส.ค.ที่จะมีการพิจารณาต่อ รวมไปถึงการท่องเที่ยวก็มีการพูดคุยกันว่าอาจจะต้องมีการเพิ่มเที่ยวบิน
ส่วนเอ็มโอยูในวันนี้เกี่ยวกับข้อแลกเปลี่ยนของกระทรวงกลาโหม ซึ่งทางฝรั่งเศสมีอะไรที่จะสนับสนุนเราในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน รถถัง โดรน หรือไซเบอร์ และการป้องกันทั้งหลายที่อยากจะทำร่วมกับเรา ซึ่งในวันนี้พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ก็มาร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันด้วย ทั้งนี้ มีการพูดคุยในแง่ภาพรวมภาพใหญ่ โดยมีการวางแผน เรื่องการอัพเกรดของกองทัพในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า ซึ่งฝรั่งเศสมีอะไรที่จะให้เราบ้าง ก็จะมีการนำทีมงานของเขาไปที่ประเทศไทย อาจจะรวมไปถึงการฝึกซ้อมรบด้วย และจะได้เห็นว่าเขาสามารถช่วยอะไรกองทัพไทยได้บ้าง
นายกฯ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นได้มีการพูดคุยกันสองต่อสอง ระหว่างตนกับประธานาธิบดีมาครง ที่ห้องรับแขกของท่าน มีการพูดคุยในเชิงลึกถึงความสัมพันธ์ที่จะสามารถทําอะไรกันต่อไปได้ ซึ่งเป้าหมายที่จะทําต่อไปคือในเดือนก.ย.ก็จะมีนักธุรกิจจากประเทศฝรั่งเศสไปที่ประเทศไทย ซึ่งแปลกใจเล็กน้อยที่ประธานาธิบดีมาครงได้เชิญภรรยาของท่าน ซึ่งวันเดียวกันนี้สวมชุดสีแดง สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของฝรั่งเศส ซึ่งท่านเข้ามาพูดคุยทักทายกันเล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกไป ตนและประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็คุยกันต่อ ก็เป็นการพูดคุยกันอย่างดีในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
“วันเดียวกันนี้ท่านได้ขอเบอร์มือถือไปและได้ทดลองทักทายกันผ่านวอตแอพมีอะไรก็สามารถพูดคุยกันอย่างชัดเจน และท่านบอกว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งตนก็ระบุว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทั้ง 3 คน น่าจะได้มีการตั้งกลุ่มขึ้นมา และมีการพูดคุยกัน เป็นเรื่องที่ดี 3-4 ชั่วโมง ได้ประโยชน์อย่างมากและวันนี้ก็เดินทางต่อไปที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี” นายเศรษฐา กล่าว.