เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ทีมข่าวเฉพะกิจเดลินิวส์ส่วนกลาง ลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมลำน้ำชี บ้านหนองหวาย-บ้านหนองคล้า ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ งบ 39,525,000 บาท ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ เบิกจ่ายจำนวน 20,169,000 บาท คงเหลือ 17,285,000 บาท ที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จและยังไม่ถูกยกเลิกสัญญา พบกลุ่มแรงงานก่อสร้างค่อยๆ ทำงานบริเวณตลิ่งแม่น้ำชี ทราบว่ากลุ่มแรงงานกลุ่มนี้ ยังพากันรวบรวมเงินซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงอุปกรณ์ก่อสร้างกันเอง ที่หวังว่า หจก.ขาใหญ่ จะจ่ายเงินให้ภายหลังทำงานแล้วเสร็จ ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่โยธาธิการจังหวัดกาฬสินธุ์ เข้ามาควบคุมงานอย่างขมักเขม้น

กลุ่มแรงงานก่อสร้าง กล่าวว่า หนทางในการก่อสร้างขณะนี้ ทุกคนเร่งทำงานเพื่อให้เสร็จทุกวัน จะมีเจ้าหน้าที่โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นผู้ควบคุมงาน แต่ถึงแม้จุดก่อสร้างนี้กำลังจะถูกพิจารณายกเลิกก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่ ถึงแม้ว่าหัวหน้างานจะยังไม่ได้รับเงินตามงวดงานเป็นค่าใช้จ่ายจาก หจก.ขาใหญ่ แต่ก็ต้องทำเพราะเนื้องานบริเวณนี้ หากทำจริงจังตั้งแต่เริ่มโครงการ เชื่อว่าถึงวันนี้ก็ไม่ต้องมีปัญหายกเลิกงานแล้ว ปัญหาทั้งหมดเกิดจาก 2 หจก.ขาใหญ่ ไม่จ่ายเงินค่าจ้าง เงินฝืด เบิกวัสดุอุปกรณ์ก็ลำบาก บางกลุ่มต้องลงทุนไปซื้อมาเพื่อที่จะได้ทำงานเอง จนมาเหลือในพื้นที่ตรงนี้ ก็จะพยายามทำให้เต็มที่ แต่สุดแล้วแต่การพิจารณาของกรมโยธาฯ ว่าจะยกเลิกสัญญาอีกหรือไม่อย่างไร

ทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ส่วนกลาง ยังได้ตรวจสอบเส้นทางการก่อสร้างบริเวณตลิ่งแม่น้ำชี จนไปพบโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี วัดใหม่สามัคคี ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ งบ 59,306,000 บาท ผู้รับจ้าง หจก.เฮงนำกิจ เบิกจ่ายจำนวน 19,775,900 บาท คงเหลือ 39,530,100 บาท ที่กรมโยธาฯ ประกาศยกเลิกงานก่อสร้าง และทำการขึ้นแบล็กลิสต์ไปก่อนหน้านี้ พบว่างานก่อสร้างเริ่มมีปัญหา มีการพังทลายตัวของตลิ่งเพราะผลที่มีฝนตกลงมาในพื้นที่ก่อสร้าง อีกทั้งงานก่อสร้างไม่ต่อเนื่อง ทำๆ หยุดๆ ทำให้ตลิ่งที่ทำเอาไว้เพื่อเตรียมการเรียงหินเกิดพังทลายลงเป็นแถบๆ

ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตำบลเจ้าท่า อ.กมลาไสย กล่าวว่า การพังทลายของตลิ่งที่บริเวณการก่อสร้าง เป็นสิ่งที่ชาวบ้านเคยบอกผู้รับเหมาไปแล้วว่า หากไม่ทำให้เสร็จเมื่อถึงฤดูฝน ก็จะทำให้เกิดการพังทลายของหน้าดินริมตลิ่ง เพราะการก่อสร้างบริเวณนี้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นแนวกันชนน้ำในแม่น้ำชี เพราะบริเวณนี้ก็เป็นจุดสำคัญที่พนังกั้นแม่น้ำชีแตก จนทำให้เกิดน้ำไหลเข้าพื้นที่ทางการเกษตรของประชาชนเสียหายหลายแสนไร่ ตนเชื่อว่าลักษณะการพังทลายจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแน่นอน เพราะในขณะนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำชีก็เริ่มเพิ่มขึ้นเทียบเท่าตลิ่งงานก่อสร้าง และเมื่อน้ำหลากก็จะทำให้ผิวการก่อสร้างถูกแม่น้ำชีดูดกลืนไปจนหมด

“ตนรู้สึกเสียดายเงินภาษีของประเทศ เนื่องจากบริเวณนี้ ทราบว่ามีการเบิกจ่ายไปแล้วกว่า 19 ล้านบาท แต่ทำงานได้เท่าที่เห็นเพียงแค่ปรับหน้าดิน นำก้อนหินมาวางโชว์เอาไว้ เสาเข็มก็ตอกบางส่วน ก็ไม่รู้ว่าให้เบิกเงินไปได้อย่างไร ใครเป็นผู้ควบคุมงาน ทำไมถึงไม่ติดตามปัญหาปล่อยทิ้งงานจนเกิดความเสียหาย แน่นอนว่าเมื่อเกิดปัญหาน้ำหลาก ก็จะทำให้เงินจำนวน 19 ล้านบาท ที่เบิกไปก็จะละลายไปกับกระแสน้ำ และคงจะเป็นเรื่องที่ที่กรมโยธาฯ จะตั้งงบประมาณขึ้นมาใหม่เพื่อทำการก่อสร้างใหม่อีก ซึ่งทำให้รู้สึกเสียดายเงินมาก”

ด้านนายชาญยุทธ โคตะนนท์ ประธานคณะทำงานเครือข่ายภาคประชาสังคม ในการต่อต้านการทุจริต ป.ป.ท.เขต 4 ประจำ จ.กาฬสินธุ์ และที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ คณะ กธจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องตรวจสอบติดตามจะเป็นเรื่องการตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบของ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ที่จะส่งเจ้าหน้าที่ส่วนกลางเข้ามาตรวจสอบ ประเมินผลการทำงานทั้งหมด 8 โครงการ จำนวน 6 โครงการยกเลิกแล้ว มีการขึ้นแบล็กลิสต์ ยกเลิกงานก่อสร้าง ในกระบวนการริบเงินประกันสัญญาคงไม่ใช่เรื่องยากเพราะสามารถริบได้ทันที แต่เรื่องของการเรียกเงินแอดวานซ์ 15% คืน เรื่องนี้น่าสนใจชวนติดตามว่าจะเริ่มเมื่อไหร่ อีกทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นจะพิจารณาอย่างไร รวมถึงการเยียวยาชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการ 7 ชั่วโคตร และเครือข่ายฯ ก็จะติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด