สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล แถลงต่อสภานิติบัญญัติ หรือ คเนสเซ็ท เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกองทัพ ที่เมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้ค่ายที่พักของผู้ลี้ภัย มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 45 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 200 คน “เป็นอุบัติเหตุที่น่าเศร้าสลด”


ผู้นำอิสราเอลยืนยันว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ข้อสรุป ด้านกองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ ว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน และเน้นย้ำว่า ปฏิบัติการโจมตีดังกล่าว “เป็นไปตามข้อมูลข่าวกรอง” ซึ่งนำไปสู่การสังหารนายยาสซิน ราเบียร์ และนายคาเหล็ด นาการ์ ทั้งคู่เป็นแกนนำของกลุ่มฮามาส ในเขตเวสต์แบงก์


เกี่ยวกับเสียงวิจารณ์และการประณามของนานาประเทศ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ รวมถึงสหรัฐ ซึ่งขอให้อิสราเอล “ปกป้องพลเรือนในฉนวนกาซาให้ดีกว่านี้” เนทันยาฮูกล่าวว่า แรงกดดันจากภายนอกเป็นสิ่งที่อิสราเอลเผชิญมาตลอด นับตั้งแต่ช่วงต้นของสงคราม อย่างไรก็ตาม อิสราเอลจะไม่มีทางล้มเลิกแผนการ เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดของสงครามครั้งนี้ นั่นคือ การกวาดล้างกลุ่มฮามาสให้สิ้นซาก


ทั้งนี้ทั้งนั้น ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในเมืองราฟาห์ครั้งนี้ เกิดขึ้นภายในเวลาไม่นาน หลังกลุ่มฮามาสยืนยัน การเป็นผู้ยิงจรวดอย่างน้อย 8 ลูก ออกจากเมืองราฟาห์ โดยจรวดเดินทางได้ไกลถึงกรุงเทลอาวีฟ เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ซึ่งกองทัพอิสราเอลยืนยันว่า ระบบป้องกันสามารถสกัดจรวดได้แทบทั้งหมด และจรวดที่อีกฝ่ายยิงมา “ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อประชาชน”


ความรุนแรงครั้งล่าสุดที่เมืองราฟาห์เกิดขึ้น แม้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) หรือศาลโลก มีคำพิพากษา เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดในเมืองราฟาห์ “ทั้งที่กำลังดำเนินอยู่ และกำลังจะเกิดขึ้น” และเรียกร้องกลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันที่ยังเหลืออยู่ “ทันที”.

เครดิตภาพ : AFP