เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านนางประครอง พละเลิศ อายุ 57 ปี บ้านเลขที่ 28 หมู่ 9 บ้านโนนโพธิ์ ต.ก่อเอ้ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ จนทำให้ไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านได้ เนื่องจากชาวบ้านขับไล่
โดยนางประครอง เล่าว่า สภาพการเป็นอยู่ของตนเองที่ต้องอยู่อย่างลำบากไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านได้ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ ชาวบ้านมีการร้องถึงผู้ใหญ่บ้านให้ขับตนเองออกจากบ้าน จนปัจจุบันไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านได้ ต้องออกไปอยู่ในที่นานอกหมู่บ้าน ซึ่งเรื่องนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ได้ไปซื้อรูปปั้นพญานาคมาวางไว้ที่หน้าบ้านตามที่ได้บนบานไว้หากลูกสาวสอบเข้ารับราชการได้ และตนเองทำมาค้าขาย จึงซื้อพญานาคมาบูชา จากนั้นเป็นต้นมา เวลาคนในหมู่บ้านเจ็บป่วย ก็พากันไปหาหมอผีในหมู่บ้าน ก็จะบอกว่าตนเองเอาพญานาคไปเกี้ยวก่อเหตุ และเป็นฝีมือของตนเองทำ ตนเองก็อดทนเรื่อยมาจนปี พ.ศ. 2562 เดือนกันยายน เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กล่าวหา ซึ่งผู้นำหมู่บ้านได้ไกล่เกลี่ยเพื่อให้อยู่กันอย่างสันติ ได้มีการขอโทษกันให้สัญญากันว่าจะไม่กล่าวหาตนอีก
กระทั่งปี 2564 ชาวบ้านได้กล่าวหาตนอีก จากที่เคยขายสิ่งของในหมู่บ้านได้ ชาวบ้านก็ปิดประตูลัด ตนอดทนเรื่อยมา ตนเองไปไหนก็ถูกตราหน้าว่าเป็นผีปอบ มีชาวบ้านเพียง 2-3 คนทั้งหมู่บ้าน ที่เป็นญาติพี่น้องพูดด้วยทั้งหมู่บ้าน จนตนเองอยู่ในหมู่บ้านไม่ได้ ต้องออกหนีไปอยู่ที่นานอกหมู่บ้าน ตนเองเคยถูกผู้ชายใช้ถุงลาบเลือดกระแทกใส่หน้า บอกว่าให้มึงกิน มึงเป็นปอบ ซึ่งมีพยานตนเองไม่ได้พูดลอยๆ ตนเองเข้ามาซื้อของในหมู่บ้าน เขาก็บอกไม่ขายให้ เพราะถ้าขายให้จะมีคนไปต่อว่าทำให้เขาอยู่ยาก ตนเองมีเพียงลูกเป็นกำลังใจ ตนเองพยายามอดทน จนเกินจุดจะทนได้ นางประครอง กล่าวพร้อมร่ำไห้ ตนเองขอร้อง และขอความเป็นธรรม จากเพื่อนมนุษย์ ตนเองไม่มีที่พึ่งแล้ว ไปที่หมู่บ้านคูขาด, บ้านหนองเหล่า หมู่บ้านใกล้เคียงก็มีผู้บอกว่ามีคนกล่าวว่าตนเองเป็นผีปอบ ตนเองทุกข์ลำบากเสียเหลือเกิน โชคดีที่ตนเองมีลูกเป็นกำลังใจ มีสามีที่ดี ไม่เช่นนั้นตนเองผูกคอตายไปแล้ว วอนสังคมช่วยด้วย
นางประครอง และนายก้องชัย พละเลิศ ลูกชายและญาติสนิทที่คอยให้กำลังใจได้พาผู้สื่อข่าวไปดูรูปปั้นพญานาค ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่อง ซึ่งเป็นรูปปั้นพญานาคขนาดสูงประมาณ 45 ซม.วางอยู่หน้าอ่างน้ำขนาดประมาณ 60 ซม.ซึ่งก็ไม่มีอะไรที่แสดงให้เห็นความผิดปกติทั้งเครื่องเซ่นกราบไหว้ก็ไม่มี
นายก้องชัย กล่าวว่า ส่วนตัวตนเองไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ที่ผ่านมาจากที่เริ่มถูกรังแก คนที่กล่าวหาอิจฉาหรือไม่พอใจอะไรหรือไม่ ตนเองที่เป็นลูกก็มองว่ามันเกินไปที่เขากล่าวหาว่าแม่เป็นปอบ ซึ่งความเป็นจริงโลกปัจจุบันไปไกลแล้ว สำหรับพญานาค ตนและแม่ได้พากันไปซื้อมาจากตัวเมืองอุบลราชธานี แถวสนามบิน ฝากถึงสังคมขอความเป็นธรรมให้แม่ด้วย ฝากให้สังคมคิดวิเคราะห์แยกแยะไม่ใช่ฟังอะไรมาก็เชื่อกันไป
ในขณะที่ นางประครอง ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ขจรศักดิ์ ตระการไทย สภ.เขื่องใน เมื่อวันที่ 30 ก.ค. เวลา 15.00 น. แจ้งว่าในวันเดียวกันเวลา 08.00 น. ได้มีนางติ๋ม นายโชติ และนายดนัยพัฒน์ ชาวบ้านโนนโพธิ ต.ก่อเอ้ ได้กล่าวหานางประครอง ว่า เป็นปอบ เป็นกระสือ เมื่อมีผู้เจ็บป่วยผู้เสียชีวิตในหมู่บ้านจะหาว่านางประครองเป็นผู้กระทำ โดยในบันทึกแจ้งความนางประครอง ระบุว่าผู้แจ้งเคยถูกกล่าวหาเช่นนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 ทำให้ผู้แจ้งได้รับความเสียหายลำบากในการดำรงชีวิตและปัจจุบันต้องย้ายไปพักอาศัยอยู่ที่นา
ในวันเดียวกันได้เข้าร้องทุกข์ต่อนายสุริยา บุญประภาร นายก อบต.ก่อเอ้ ว่าถูกกล่าวหาว่าเป็นปอบ ได้รับความเดือดร้อนถูกชาวบ้านด่าเสียดสีและชาวบ้านได้แจ้งนายกิตติศักดิ์ จำปาแก้ว ผู้ใหญ่ บ้านโนนโพธิ์ หมู่ 9 ขับไล่ตนเองออกจากหมู่บ้าน และในการนี้มีนายวุฒิไกร หรือ ไก่ ชาวบ้าน บ้านโนนโพธิ์ คนบ้านเดียวกันได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ขจรศักดิ์ ตระการไทย สภ.เขื่องใน และร้องทุกข์ต่อนายสุริยา บุญประภาร นายก อบต.ก่อเอ้ เช่นกันว่าได้รับความเดือดร้อนถูกกล่าวว่าว่าผีปอบของนางประครอง มาเทียวอยู่กับตนและจะออกก่อความเดือดร้อนหากินชาวบ้าน
กระทั่งวันนี้ นายวัฒนศักดิ์ ระดิษฐ์ศิลป์ ผู้อำนวยการกองการศึกษา อบต.ก่อเอ้ หัวหน้าศูนย์รับเรื่องร้องเรียน อบต.ก่อเอ้ พร้อมด้วยนายกล้าณรงค์ กำลังเลิศ รักษาการนิติกร อบต.ก่อเอ้, และ น.ส.เยาวลักษณ์ สายชมพู ผช.นิติกร อบต.ก่อเอ้ ได้ลงพื้นที่บ้านโนนโพธิ์ เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงโดยนัดผู้ร้องทุกข์ และผู้เกี่ยวข้องที่ศาลากลางบ้าน โดยมีผู้ถูกกล่าวหาไปให้ข้อมูลและรายละเอียดความเดือดร้อน
จากนั้นได้ไปยังบ้านเลขที่ 70 หมู่ 9 บ้านโนนโพธิ์ เพื่อพบกับนายโชติ ซึ่งระบุว่าเป็นหมอธรรมหรือหมอผี ที่ถูกระบุว่ากล่าวหานางประครองว่า เป็นผีปอบ รวมทั้งนางติ๋ม ภรรยานายโชติ และนายดนัยพัฒน์ ซึ่งต่างกล่าวปฏิเสธว่า ไม่เคยกล่าวหา หรือระบุว่าใครเป็นปอบ
ทั้งนี้นายโชติกล่าวยอมรับว่าย้อนหลัง 6 ปีที่ผ่านมาเคยไปช่วยหลวงพ่อวัดบ้านคูขาด ต.ก่อเอ้ อ.เขื่องใน ซึ่งประกอบพิธีรักษาผู้ป่วย ที่ระบุว่าถูกผีปอบเข้า จนทุกอย่างเรียบร้อย และไม่ได้ระบุว่าใครเป็นผีปอบ แต่ถูกนางประครองแจ้งความดำเนินคดี และเรื่องนี้ได้จบกันไปแล้ว แต่ทำไม่เรื่องนี้จึงโผล่ขึ้นมาอีก ตนเองเชื่อว่า คนที่มีบ้านอยู่ใกล้กัน มีปัญหากันเรื่องทางสาธารณะ และไปพูดจนชาวบ้านเกิดความเข้าใจผิด
อย่างไรก็ตาม นายโชติ กล่าวว่า ยินดีจากส่วนราชการยื่นมือเข้าไกล่เกลี่ย ทำความเข้าใจกันและกันเพื่อความสันติสุขในหมู่บ้านและตนเองเป็นเพียงหมอธรรมอ่อน เพียงแค่รักษาลูกหลาน เสกเป่ารักษาเด็กๆ ลูกหลานเท่านั้น