นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ตามมติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เมื่อวันที่ 14 ต.ค.64 เห็นชอบให้มีการปรับลดระยะเวลา การห้ามออกนอกเคหสถาน จากเดิมเวลา 22.00-04.00 น. ปรับลดลงเป็นเวลา 23.00-03.00 น. และอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้า เปิดกิจการได้ถึงเวลา 22.00 น. ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 64 เป็นต้นไป ขสมก. จึงจัดแผนการเดินรถโดยสาร (รถเมล์) ให้สอดคล้องกับมติที่ประชุม ศบค. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.ให้บริการรถเมล์ในทุกเส้นทางตามเวลาปกติ รถเมล์คันแรกออกจากท่าต้นทาง เวลา 04.00 น. รถเมล์คันสุดท้าย ออกจากท่าปลายทาง เวลา 22.00 น. หรือตามเงื่อนไขในใบอนุญาตประกอบการขนส่งฯ ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.64 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ยกเว้นรถโดยสารบริการตลอดคืน (รถกะสว่าง) ยังคงงดให้บริการ  

2.จัดรถออกวิ่ง 100% (2,886 คัน/วัน) หรือจัดรถออกวิ่งให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา โดยมีเที่ยววิ่งเฉลี่ย วันละประมาณ 25,000 เที่ยว 3.ขสมก.ยังคงดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเคร่งครัดดังนี้ 1.ด้านพนักงานประจำรถ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสารทุกครั้งก่อนขึ้นปฏิบัติหน้าที่บนรถเมล์ หากตรวจพบว่าพนักงานมีอุณหภูมิสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส จะไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่และให้รีบไปพบแพทย์ทันที กำชับพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง ขณะปฏิบัติหน้าที่บนรถเมล์ ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะใช้บริการรถเมล์ กรณีผู้ใช้บริการบนรถเต็ม จะต้องใช้บริการรถเมล์คันถัดไป 

2.ด้านรถเมล์ เพิ่มความถี่ในการล้างทำความสะอาดระบบปรับอากาศ และทำความสะอาดผ้าม่าน ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% ฉีดพ่นทำความสะอาดภายในรถเมล์ และใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้บริการต้องสัมผัส เช่น เบาะที่นั่ง ราวจับ กริ่งสัญญาณ พร้อมทั้งติดตั้งขวดเจลแอลกอฮอล์ สำหรับให้ผู้ใช้บริการล้างมือบริเวณประตูทางขึ้น 3.ติดตั้ง QR Code แอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” บริเวณหลังเบาะที่นั่ง และบริเวณผนังด้านข้าง ภายในรถเมล์

สำหรับให้ผู้ใช้บริการสแกนผ่านโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน เพื่อเก็บข้อมูลการเดินทาง กรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อใช้บริการรถเมล์คันเดียว และเวลาเดียวกันกับผู้ใช้บริการ จะมีการแจ้งเตือน ผ่านระบบ SMS ว่าผู้ใช้บริการมีความเสี่ยงให้รีบไปพบแพทย์ 4.ติดตั้ง QR Code แอพ “หมอชนะ” บริเวณผนังด้านข้างภายในรถเมล์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ ใช้โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนดาวน์โหลดแอพดังกล่าว และ 5.ติดตั้งป้ายข้อความ “เหลือรถอีก 2 คันสุดท้าย”  “เหลือรถอีก 1 คันสุดท้าย” “รถคันสุดท้าย” บริเวณกระจกด้านหน้ารถโดยสารที่วิ่งให้บริการ 3 คันสุดท้ายในแต่ละวัน  

และ 3.ด้านผู้ใช้บริการ ผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะใช้บริการรถเมล์ ล้างทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ที่ติดตั้งบริเวณประตูทางขึ้น เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการ ควรสแกน QR Code แอพ “ไทยชนะ” บนรถเมล์ เพื่อเช็กอินเมื่อขึ้นรถ และเช็กเอาต์ก่อนลงจากรถ สำหรับผู้ถือบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ของ ขสมก.ทุกประเภท ควรลงทะเบียนบัตรที่ www.bmta.co.th

เพื่อให้บัตรดังกล่าว สามารถเช็กอิน-เช็กเอาต์ โดยอัตโนมัติ เมื่อนำบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ มาแตะที่เครื่อง EDC เพื่อชำระค่าโดยสาร เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการ ควรดาวน์โหลดแอพ “หมอชนะ” เพื่อตอบแบบสอบถามประเมินความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 และลงทะเบียน ผู้ใช้บริการจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานเก็บค่าโดยสาร นายตรวจ และเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษอย่างเคร่งครัด ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ ชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสด ผ่านบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทของ ขสมก. บัตรเดบิต-เครดิตที่มีสัญลักษณ์คอนแทคเลส บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโมบายแบงก์กิ้ง เพื่อลดการสัมผัสธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ ที่อาจเป็นสื่อกลางในการแพร่เชื้อโควิด