เมื่อวันที่ 22 ส.ค. แพทย์หญิงดารินดา รอซะ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 (สคร.11) จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า กรณีองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เนื่องจากมีอัตราการป่วยด้วยโรคฝีดาษลิง สายพันธุ์ Mpox clade 1b สูงขึ้น ในภาคตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก โดยมีรายงานพบผู้ป่วยมากกว่า 15,600 ราย เสียชีวิต 537 ราย และมีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายไปยังประเทศอื่น ๆ ทั้งในและนอกทวีปแอฟริกา
โดยสถานการณ์โรคฝีดาษลิงในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-17 สิงหาคม 2567 พบผู้ป่วยยืนยัน 142 ราย เสียชีวิต 3 ราย สถานการณ์ในเขตสุขภาพที่ 11 พบผู้ป่วยยืนยัน 5 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต สายพันธุ์ที่พบเป็นสายพันธุ์ Mpox clade 2 ซึ่งเป็นคนละสายพันธุ์กับในทวีปแอฟริกา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเฝ้าระวังโรคฝีดาษวารนร สายพันธุ์ Mpox clade 1b อย่างใกล้ชิด มีมาตรการตรวจคัดกรองสุขภาพผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาด ที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศทุกด่าน โดยเฉพาะด่านท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา และมีการเฝ้าระวังสายพันธุ์ต่าง ๆ ในประเทศไทย
แพทย์หญิงดารินดา กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศแถบแอฟริกา ควรต้องติดตามว่าประเทศเหล่านั้น มีการระบาดหรือไม่ และควรระมัดระวังการสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคล หมั่นสังเกตอาการตนเอง ถ้ามีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดศีรษะปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง หรือเริ่มสังเกตเห็นมีผื่นขึ้นตามร่างกายเป็นตุ่มน้ำใสหรือตุ่มหนอง ควรไปพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยรักษาตั้งแต่ต้น
ส่วนการป้องกันโรคฝีดาษลิง มีดังนี้ 1) หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด หรือคนพลุกพล่าน หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดบุคคล ทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวจุดสัมผัสร่วมสม่ำเสมอ 2) หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น 3) ผู้ที่มีอาการสงสัยสามารถขอเข้ารับการตรวจหาเชื้อได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่ง ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วน 1422 กรมควบคุมโรค “กรมควบคุมโรคห่วงใย อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี”.