เมื่อวันที่ 16 ต.ค. นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการรัฐสภาว่า หลังจากที่เกิดฝนตกหนักเมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา ทำให้น้ำฝนรั่วจากเพดานห้องประชุมสุริยัน ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งห้องประชุมสุริยันมีเพดานหล่อด้วยปูนซีเมนต์หนา 20 เซนติเมตร ทรงซาลาเปาแบนคว่ำ ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดรอยรั่วจากน้ำฝนเป็นจำนวนมากได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีน้ำฝนรั่วเป็นประจำ บางที่คล้ายเกิดน้ำตกแห่งใหม่ในรัฐสภา มีน้ำไหลลงมาไม่ขาดสายเป็นเวลานาน สามารถให้เด็กๆ ไปเล่นน้ำฝนได้อย่างสนุกสนาน

นายวัชระ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 18 ก.ย.64 ได้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ในอาคารรัฐสภามาแล้ว ตนได้ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนายสาธิต ประเสริฐศักดิ์ ประธานกรรมการตรวจการจ้าง เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ตามสัญญาเลขที่ 116/2556 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ก่อสร้างเสร็จสิ้นตามกฎหมายหรือไม่ การว่าจ้างบริษัทผู้รับเหมาช่วงผิดสัญญาหรือไม่ มีน้ำรั่วทั่วทั้งอาคารเวลาฝนตกรวมทั้งสิ้นกี่จุด คุ้มค่ามาตรฐานกับเงิน 12,280 ล้านบาทหรือไม่ และมีการส่งมอบงานให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรหรือยัง หรือถ้าก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จจะสามารถส่งมอบงานก่อสร้างได้เมื่อใด อย่างไร

นายวัชระ กล่าวด้วยว่า รัฐสภาแห่งนี้ ตัวอาคารสร้างด้วยวงเงิน 12,280 ล้านบาท สัญญาก่อสร้าง 900 วัน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น อนุมัติให้ขยายเวลาก่อสร้างถึง 4 ครั้ง รวม 1,874 วัน จนสิ้นสุดสัญญาวันที่ 31 ต.ค.64 ผู้รับเหมาจะขอขยายเวลาอีกเป็นครั้งที่ 5 จำนวน 133 วัน แต่สำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือคัดค้าน จึงไม่ได้ขยายเวลาต่อ.