เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ครั้งที่ 2 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยที่ประชุมจะพิจารณาแผนการดำเนินงานการช่วยเหลือ ฟื้นฟู เพื่อแก้ไขปัญหาดินโคลนถล่มในอำเภอเมืองเชียงราย และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
ทั้งนี้ นายภูมิธรรม ได้กล่าวก่อนการประชุมว่า เราต้องทำการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เหมือนกับทุก ครั้งที่ผ่านมา เพราะเป็นฝนและดินโคลน ที่ทำให้เกิดปัญหาตามหลังเกิดขึ้น ภายหลังจากน้ำลด ที่จะต้องคลี่คลายสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เพราะดินโคลนค้างอยู่ในท่อจะกลายเป็นหินปูนขึ้นมาได้ ซึ่งโคลนที่ค้างอยู่สูงถึง 1-2 เมตร จึงทำให้ยากในการฟื้นฟูสภาพในพื้นที่ นอกจากนี้ศปช.ได้จัดตั้งคณะที่ปรึกษาผู้มีความเชี่ยวชาญ โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี มาเป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี มาเป็นโฆษกศูนย์ฯ เพื่อทำหน้าที่ชี้แจงสถานการณ์รายวันได้อย่างต่อเนื่อง โดยจากการตั้งข้อสังเกตปริมาณฝนที่เกิดขึ้นไม่ได้มากกว่าที่ผ่านมาแต่เป็นการตกเฉพาะที่แบบซ้ำซาก ซึ่งน่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ จึงมอบหมายให้กรมอุตุนิยมวิทยาไปศึกษาให้ถ่องแท้ ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจหลักที่ต้องชี้แจงและเตือนภัย เพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็น 2 ลักษณะผสมของฝนและดินโคลน ซึ่งสถานการณ์ที่นี่แตกต่างจากที่อื่น เพราะเป็นน้ำผสมดินโคลน ดังนั้น เป็นน้ำที่อันตรายกว่าน้ำท่วมปกติ ซึ่งคล้ายกับภูเขาไฟระเบิดที่เป็นลาวาผสมน้ำไหลลงมา ซึ่งเชื่อว่าเรื่องนี้อาจจะเกิดขึ้นได้อีก เรื่องนี้จึงฝากให้กรมทรัพยากรธรณีไปศึกษาให้กระจ่างชัด ส่วนน้ำผสมโคลนที่ตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก การกำจัดและกู้ภัยเป็นไปได้ยาก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ประเทศไทยได้พบเจอ ดังนั้นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะต้องร่วมกับหลายหน่วยงานจัดการกับเรื่องนี้ ฝ่ายกองทัพก็ต้องเข้ามาศึกษาแต่เบื้องต้นว่าจะแก้ปัญหาในอนาคตอย่างไร รวมไปถึงการจัดหาเครื่องมือที่เหมาะสมเข้าไปในพื้นที่ประสบภัย
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราเชื่อว่าจะสามารถสร้างเขื่อน เพื่อหักเหเส้นทางของดินโคลนได้ที่มีลักษณะการก่อสร้างในเทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรป ที่เมื่อมีหิมะถล่มสามารถจัดการได้ทันที ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องทางวิศวกรรมที่กรมชลประทานควรนำไปศึกษาเรื่องนี้ไว้ก่อน ซึ่งหากนายปลอดประสพ มีคำแนะนำอะไรก็มาแนะนำในที่ประชุมได้
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ที่อำเภอเมืองและอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ปัญหาที่พบขณะนี้คือรถขนาดใหญ่วิ่งได้แค่บนถนนหลวง ไม่สามารถเข้าไปตามซอกซอยได้และไม่สามารถเข้าไปกู้ภัยได้ จากสถิติที่ทำมาบ้าน 1 หลัง ต้องใช้กำลังพลถึง 30 คน ภายใน 1 วัน ซึ่งมีประชาชนเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก เราต้องใช้แผนการระดมพลและเครื่องมือที่จำเป็นเข้าไปในพื้นที่ ซึ่งยอมรับว่าเครื่องมือขาดแคลนอยู่มาก เพราะเราไม่เคยเจอเรื่องนี้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 27 ก.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกส่วน จะเดินทางไปยังอ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งน้ำจากแม่น้ำกกทะลักเข้ามา มีโคลนไปอยู่ตามบ้าน ตามพื้นที่เศรษฐกิจ จะไปแก้ปัญหาที่ตรงนั้น โดยจะเดินทางไปสองวัน โดยจะพักที่อำเภอแม่สาย 1 คืน และในช่วงเช้าจะเดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะติดตามสถานการณ์น้ำหลาก จากนั้นรัฐมนตรีจะแยกย้ายเดินทางไปในจุดต่างๆ ซึ่งจะต้องแก้ไขปัญหา และเมื่อนายกฯ ไปถึง จะมีการประชุมวอร์รูม จึงจะต้องมีการสรุปสถานการณ์เชียงรายในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้างและมีปัญหาอะไรที่ต้องคลี่คลาย ซึ่งนายกฯ จะรับฟังรายละเอียดต่างๆ เพื่อสั่งการและแก้ไขปัญหาให้ทันท่วงที หน้าที่ของเราคือจะต้องเตรียมการทั้งหมด เพื่อให้นายกฯ ทราบสถานการณ์ และกำหนดภาระหน้าที่
นายภูมิธรรม กล่าวว่า คณะทำงาน ศปช. จะมีการประชุมทุกวันในเวลา 09.00 น. เพื่อประเมินสถานการณ์และรับทราบรายงานจากทุกพื้นที่ เพื่อดูว่าจะมีการแก้ไขอย่างไร ซึ่งจะมี 2 คณะทำงาน ที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า คลี่คลายเหตุการณ์ต่างๆ ให้รวดเร็วที่สุด ส่วนปัญหาเรื่องการเยียวยา ที่มีกฎระเบียบอยู่และดำเนินการในภาวะปกติ ซึ่งจะเป็นอุปสรรค เพราะสิ่งที่ประชาชนเผชิญอยู่ตอนนี้ เขาก็อยากรู้ว่ารัฐบาลจะดูแลเขาอย่างไร และที่ผ่านมาการเยียวยามีปัญหาเรื่องความล่าช้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เราดูแลว่าจะทำอย่างไรให้กระบวนการตรงนี้ให้ถูกกฎหมาย แต่รวบรัดให้เร็วที่สุด เพื่อให้เงินถึงมือประชาชน ให้เขามั่นใจว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้ง ซึ่งลักษณะน้ำท่วมแบบพิเศษนี้จะต้องมีการกำหนดค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม