สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ว่ารัฐบาลสหรัฐประกาศข้อบังคับสำคัญสำหรับชาวต่างชาติ และชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งประสงค์เดินทางเข้าสู่สหรัฐ ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.นี้ ว่า ทุกคนต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบใดก็ตาม ที่ผ่านการรับรองเป็นกรณีฉุกเฉินจากองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) หรือคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (เอฟดีเอ) ให้ครบก่อนการเดินทาง โดยการฉีดวัคซีนครบตามเงื่อนไขของวัคซีนแต่ละแบบ ต้องเกิดขึ้นนานไม่ต่ำกว่า 14 วันก่อนการเดินทาง

วัคซีนที่ได้รับการอนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉินจากดับเบิลยูเอชโอ ได้แก่ ไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค แอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด (รวมถึง โควิชิลด์ ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของวัคซีนแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด ที่ผลิตในอินเดีย) จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โมเดอร์นา ซิโนฟาร์ม และซิโนแวค ส่วนวัคซีนที่เอฟดีเอรับรอง ได้แก่ ไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค แอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และโมเดอร์นา


ขณะที่เป็นความรับผิดชอบของสายการบิน ซึ่งต้องตรวจสอบเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีนของผู้โดยสาร ที่ต้องออกให้โดยรัฐบาลของประเทศต้นทางเท่านั้น ผู้ที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบ ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติหรือผู้ถือสัญชาติสหรัฐ ต้องยอมรับมาตรการตรวจคัดกรองและติดตามผลที่เข้มข้น เมื่อเดินทางมาถึงอเมริกา


ทั้งนี้ นอกจากหลักฐานยืนยันการฉีดวัคซีนครบ บุคคลนั้นต้องแสดงผลตรวจพีซีอาร์เป็นลบ ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ยังฉีดวัคซีนไม่ครบ และ “ผู้ที่รับวัคซีนครบแล้วแต่เป็นแบบไขว้” ต้องแสดงหลักฐานพีซีอาร์ที่ไม่เกิน 24 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง ด้านผู้มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ยังไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานยืนยันการฉีดวัคซีน แต่ต้องมีผลการตรวจพีซีอาร์ และเงื่อนไขทั้งหมดยกเว้นสำหรับผู้มีอายุไม่ถึง 2 ปี


สำหรับพลเมืองจากประเทศที่ยังมีอัตราการฉีดวัคซีนครบสองเข็มไม่ถึง 10% ซึ่งมีประมาณ 50 แห่ง ยังสามารถเดินทางเข้าสู่สหรัฐได้ แต่เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศแล้ว ต้องฉีดวัคซีนให้ครบภายใน 60 วัน ส่วนผู้ที่มีหลักฐานยืนยัน ว่าเป็นอาสาสมัครในโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และผู้ที่มีปัญหาร้ายแรงด้านสุขภาพ สามารถเดินทางเข้าสู่สหรัฐได้ โดยต้องมีหลักฐานยืนยันอย่างละเอียด.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES