เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 6 ธ.ค. ที่ ห้องแถลงข่าว ชั้น 2 อาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพฯ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม และผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ แถลงเกี่ยวกับการปล่อยตัวพักการลงโทษของกลุ่มผู้ต้องขังในคดีร่วมกันทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เมื่อปี 2558 ซึ่งศาลฎีกาฯ พิพากษาให้นายบุญทรง รับโทษจำคุกตั้งแต่ 36-48 ปี อันประกอบด้วย กรณีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่ และนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ยืนยันว่าการจัดทำระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯ ไม่ได้รอให้ใครกลับมาค่อยบังคับใช้ แต่รอเวลาที่ครบถ้วนของกฎระเบียบ ซึ่งเราไม่ได้มีงบประมาณเพียงพอในการขยายเรือนจำ และก็มีข่าวเยอะมากว่าทำไมจึงเอาผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีไปอยู่รวมกับผู้ต้องขังเด็ดขาด ทำไมจึงมีความแออัด นี่คือข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ วันนี้จึงเป็นช่วงเวลาจำเป็นที่ต้องมีสถานที่คุมขังอื่นที่มิใช่เรือนจำ ยืนยันไม่ใช่หลักเกณฑ์เพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ส่วนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเข้าเกณฑ์คุมขังนอกเรือนจำหรือไม่ ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ เพราะหลักเกณฑ์ดังกล่าวยังไม่เสร็จ แต่คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ก็มีความเป็นไปได้
ส่วนระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯ จะเสร็จสิ้นทันช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 ตามที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะกลับมาไทยหรือไม่นั้น นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีความเห็นโต้แย้ง ก็ประกาศหลักเกณฑ์ได้ ตามความเห็นตนก็น่าจะทันไตรมาสแรกปี 68 เพราะอีกตั้ง 3 เดือน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็จะสอดคล้องกับคำถามว่าเสร็จทันไตรมาสแรกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับขั้นตอน และขอให้เข้าไปดูและแสดงความเห็นกันกับหลักเกณฑ์ที่กำลังทำประชาพิจารณ์ได้ที่เว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย
นายสมบูรณ์ ยังยอมรับว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาจสร้างความคลางแคลงใจที่จะมีการออกหลักเกณฑ์ช่วงนี้ แต่เนื่องจากเป็นช่วงที่ระเบียบออกมานานแล้ว และรอหลักเกณฑ์ ซึ่งเป็นช่วงพอดี และเมื่อถามถึงการเชื่อมโยงถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าเรากังวลหรือไม่ ต้องบอกว่ากังวล แต่ต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย
ขณะที่นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ได้มีการประกาศใช้ระเบียบดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค. 66 ซึ่งในห้วงปี 2567 คณะกรรมการฯ จะต้องดำเนินการจัดทำหลักเกณฑ์ประกอบ ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดทำเรียบร้อยแล้ว และปัจจุบันนี้อยู่ในช่วงของการประกาศรับฟังความคิดเห็นในระบบกลางทางกฎหมาย หรือ www.law.go.th เปิดรับฟังความคิดเห็นตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค. 67-17 ธ.ค. 67 และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการรับฟังความคิดเห็นแล้วนั้น กรมราชทัณฑ์จึงจะได้นำความคิดเห็นทั้งหมดมาปรับปรุงแก้ไข ก่อนส่งให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงนามประกาศดังกล่าว เพื่อมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม บุคคลที่จะเข้าเกณฑ์พิจารณาไปคุมขังยังสถานที่อื่น จะต้องมีกำหนดหลักเกณฑ์ ไม่ใช่ว่าให้ออกไปอยู่เฉย ๆ ซึ่งคุณสมบัติของผู้ที่จะได้ออกไปคุมขังยังที่อื่น จะต้องมีการผ่านการอบรม ผ่านการประเมินความเสี่ยง เป็นต้น ทั้งนี้ การคุมขังนอกเรือนจำไม่ใช่สิทธิประโยชน์ของผู้ต้องขัง แต่เป็นการบริหารพื้นที่ในเรือนจำ ซึ่งปัจจุบันนี้กรมราชทัณฑ์ มีผู้ต้องขังที่อยู่ในความดูแลทั่วประเทศกว่า 300,000 ราย จึงต้องลดความแออัดในเรือนจำฯ
นางกนกวรรณ กล่าวว่า ระเบียบดังกล่าวมีการเสนอไว้ที่คำพิพากษาศาลครั้งล่าสุดไม่เกิน 4 ปี ดังนั้น ถ้ากรณีของอดีตนายกรัฐมนตรีมีโทษจำคุกมากกว่า ก็จะต้องมารับโทษจำคุกภายในเรือนจำในระยะเวลาหนึ่งก่อน แต่อย่างไรต้องรอรับฟังความคิดเห็นของระเบียบดังกล่าวก่อน เพื่อมีการปรับปรุงแก้ไขหรือไม่ ตอนนี้จึงเป็นการตอบเพียงเบื้องต้นเท่านั้น
ขณะที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้มาร่วมฟังการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย และได้สอบถามว่า เสี่ยเปี๋ยงและผู้ต้องขังคดีจำนำข้าวที่ได้พักโทษ ได้ชดเชยค่าเสียหายให้กับรัฐตามคำสั่งศาลแล้วหรือไม่ เพราะมีมูลค่าความเสียหายหลายแสนล้านบาท โดยนายสมบูรณ์ กล่าวว่า ในการเสนอพักการลงโทษ คณะกรรมการเรือนจำฯ มีการเสนอคำสั่งศาลที่ให้ชดเชย เข้าสู่การพิจารณาด้วย ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาพักโทษตามเกณฑ์ระเบียบกฎหมายและมีมติให้พักโทษ ส่วนการชดเชย เป็นตามที่ ปปง. และกรมบังคับคดี ได้ไปอายัดทรัพย์สินไว้ ตามข้อมูลข่าวก่อนหน้านี้