เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคณะ เสนอให้การรับฟังความเห็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่…) พ.ศ. … เขียนโดยให้อำนาจคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีหน้าที่และอำนาจพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล เพื่อสกัดการรัฐประหารนั้น ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แม้แต่พรรคภูมิใจไทยที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ออกมาคัดค้านแนวความคิดนี้ด้วย สำหรับตนในฐานะที่เป็นนักการเมืองมานาน เห็นว่าการเขียนการร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เพื่อต้องการสกัดไม่ให้เกิดการรัฐประหาร เป็นการสนองตัณหาความอยาก เพื่อหวังคะแนนจากพวกกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่มีแนวคิดการเมืองแบบสุดขั้ว ทั้งที่รู้อยู่ว่าในทางปฏิบัติไม่สามารถป้องกันรัฐประหารได้ เพราะการรัฐประหารในประเทศไทย 13 ครั้ง ไม่มีอะไรสามารถสกัดกั้นหรือต่อต้านได้เลย และเมื่อการก่อรัฐประหารทำสำเร็จ มีการตั้งตนเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์ ฉีกรัฐธรรมนูญ ยกเลิกกฎหมายได้ทุกฉบับ

นายเทพไท กล่าวอีกว่า การที่ฝ่ายการเมืองเข้าไปจุ้นจ้านในกองทัพ จะเกิดแรงต่อต้านจากนายทหารภายในกองทัพ และเป็นการแทรกแซงความมั่นคงของประเทศ ซึ่งฝ่ายทหารจะต่อต้านและไม่ยอมรับ โดยเห็นบทเรียนหลายครั้ง ที่ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงการโยกย้ายแต่งตั้งทหารในอดีต จนเป็นเหตุให้เกิดการรัฐประหาร เหมือนสมัยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ยึดอำนาจเมื่อปี 2534 ส่วนการป้องกันการรัฐประหารที่ดีที่สุด คือนักการเมืองไม่สร้างเงื่อนไขให้ทหารใช้เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาล เพราะการรัฐประหารทุกครั้ง จะยกเหตุผลการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยการรัฐประหารในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้ยกเรื่องบุฟเฟ่ต์คาบิเนต มาเป็นข้ออ้าง และในยุครัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ยกเหตุผลการทุจริตเชิงนโยบาย และผลประโยชน์ทับซ้อน มาเป็นหนึ่งในเหตุผลของการรัฐประหาร

“ถ้ารัฐบาลและนักการเมืองในสภาชุดนี้ จะป้องกันการรัฐประหารได้ดีที่สุด คือการทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เพราะเบื้องหลังของการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลชุดนี้ และสส.ในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนใหญ่มาจากการซื้อเสียง เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลก็คิดจะถอนทุนคืน และสะสมทุนเพื่อนำไปซื้อเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อเข้าสู่อำนาจเป็นรัฐบาลใหม่ วนเวียนเป็นวัฏจักร เกิดวงจรอุบาทว์ในวงการเมือง มีผลให้เกิดวงจรอุบาทว์ของการรัฐประหารตามมา เพราะฉะนั้น วงจรอุบาทว์ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกองทัพ แต่เกิดขึ้นจากพรรคการเมืองและนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่นด้วย ไม่ต่างอะไรกับไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่” นายเทพไท กล่าว