สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ว่า สมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) รับรองมติให้มีการหยุดยิงในฉนวนกาซา “ทันที อย่างไม่มีเงื่อนไข และถาวร” พร้อมทั้งเรียกร้องให้กองกำลังติดอาวุธ “ปล่อยตัวประกันที่ยังเหลืออยู่ในฉนวนกาซาอย่างไม่มีเงื่อนไข” และการมอบความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง ให้แก่ประชาชนในฉนวนกาซา
The #UNGA 10th ESS just adopted draft res L.33 demanding an immediate, unconditional & permanent ceasefire in #Gaza
— UN Media Liaison (MALU) (@UNMediaLiaison) December 11, 2024
FULL TEXT https://t.co/Huv69vZ6nl
VOTE: 158 votes in favour; 9 against-13 abstentions ⤵️@UNISPAL pic.twitter.com/PMF8523a6Z
ทั้งนี้ มติดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุน 158 เสียง คัดค้าน 9 เสียง งดออกเสียง 13 เสียง และมีอีก 13 ประเทศ ไม่เข้าร่วมการประชุม โดย 9 ประเทศซึ่งคัดค้าน ได้แก่ อาร์เจนตินา อิสราเอล ไมโครนีเซีย นาอูรู ปาเลา ปาปัวนิวกินี ปารากวัย ตองกา และสหรัฐ ส่วนไทยออกเสียงสนับสนุน
The #UNGA 10th ESS just adopted res L.32 emphasizing @UNRWA remains the backbone of all humanitarian response in Gaza & the importance of its unimpeded operation & provision of services
— UN Media Liaison (MALU) (@UNMediaLiaison) December 11, 2024
FULL TEXT https://t.co/30eGVPE0i7
159 votes in favour; 9 against-11 abstentions ⤵️@UNISPAL pic.twitter.com/icjBJf5hci
นอกจากนี้ ยูเอ็นจีเอลงมติเกี่ยวกับการเรียกร้องให้อิสราเอลยอมรับอำนาจของยูเอ็น ในการสนับสนุนและดำเนินการของสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติ สำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (ยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ) ได้รับเสียงสนับสนุน 159 เสียง คัคค้าน 9 เสียง และงดออกเสียง 11 เสียง โดยกลุ่มประเทศที่คัดค้านยังคงเป็นกลุ่มเดิม
แม้การลงมติของยูเอ็นจีเอไม่มีผลผูกพันในทางกฎหมายระหว่างประเทศ แต่เนื้อหาแทบทั้งหมดของมติ น่าจะเพิ่มแรงกดดันให้กับอิสราเอลและสหรัฐไม่มากก็น้อย เนื่องจากถ้อยความแทบทั้งหมดเหมือนกับมติที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) พิจารณา เมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา และสหรัฐซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกถาวร ใช้สิทธิวีโต้หรือคัดค้านเป็นรอบที่ 4.
เครดิตภาพ : AFP