สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ประกาศโดยสำนักงานคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) ถือเป็นการสรุปการตรวจสอบมาตรการภาษี ซึ่งบังคับใช้ในช่วงรัฐบาลชุดแรกของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ

ทั้งนี้ อัตราภาษีสำหรับแผ่นเวเฟอร์โซลาร์เซลล์ และโพลีซิลิคอน จะเพิ่มขึ้น 2 เท่า เป็น 50% ในเดือน ม.ค. ที่จะถึงนี้ ส่วนอัตราภาษีสำหรับผลิตภัณฑ์ทังสเตนบางประเภท จะเพิ่มขึ้นจาก 0% เป็น 25%

“การปรับขึ้นภาษีที่ประกาศในวันนี้ จะช่วยลดความรุนแรงในนโยบายและแนวปฏิบัติที่เป็นอันตรายจีน” นางแคทเธอรีน ไท จากยูเอสทีอาร์ กล่าวในแถลงการณ์ พร้อมกับเสริมว่า การดำเนินการข้างต้นจะเสริมการลงทุนภายในประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐที่กำลังจะหมดวาระ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจพลังงานสะอาดของประเทศ

เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวประกาศการขึ้นภาษีกับสินค้าต่าง ๆ ของจีน โดยมุ่งเป้าไปที่ภาคส่วนสำคัญ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี), เซมิคอนดักเตอร์, แบตเตอรี่ และแผงโซลาร์เซลล์ ส่งผลให้รัฐบาลปักกิ่งตอบโต้กลับอย่างรุนแรง

อนึ่ง ประกาศของยูเอสทีอาร์ระบุว่า การขึ้นภาษีถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญ ในการช่วยเหลืออุตสาหกรรมต่าง ๆ ของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็น การบินและอวกาศ ตลอดจนการป้องกันประเทศ เนื่องจากการพึ่งพาผลิตภัณฑ์ของจีนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติ.

เครดิตภาพ : AFP