เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรี พนักงานสอบสวน สภ.ปราจีนบุรี ได้นำตัว นายธนศรัณย์ เตชะธนัตถโชติ อายุ 32 ปี (กอล์ฟ) มือยิง, นายศักดิ์สิทธิ์ ชินวงษ์ อายุ 34 ปี (ตูน) มือยิง, นายธนภัทร ส่งแสง อายุ 18 ปี, นายอภิสิทธิ์ สดชื่น อายุ 34 ปี, นายสิทธิชัย ศรีภักดี อายุ 41 ปี, นายภัทรนนท์ บุญชู อายุ 38 ปี, นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร อายุ 85 ปี มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกต่อศาลเป็นเวลา 12 วัน
คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. เวลาประมาณ 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุได้ยินเสียงอาวุธปืน จำนวนหลายนัด ที่บ้านบนถนนโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี จึงได้ร่วมกันไปตรวจสอบที่บ้านดังกล่าว เมื่อไปถึงบริเวณหน้าบ้านมีลักษณะ 3 ชั้น มีรั้วรอบไว้ทุกด้านเปิดประตูไม่ได้ จึงได้วางกำลังปิดล้อมไว้และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นเมื่อผู้บังคับบัญชาเดินทางมาถึง จึงได้มีการเจรจากับคนที่ดูแลบ้าน เบื้องต้นยินยอมให้เฉพาะเจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปในบ้านเพื่อตรวจสอบเหตุฯ เมื่อเข้าไปในบริวเณบ้านได้แล้ว พบ นายสุนทร วิลาวัลย์ ผู้ถูกจับกุมที่ 7 อยู่บริเวณหน้าบ้านนอกตัวบ้านและเมื่อเข้าไปในตัวบ้านก็พบ นายสิทธิชัย ศรีภักดี ผู้ถูกจับกุมที่ 5 และนายภัทรนนท์ บุญชู ผู้ถูกจับกุมที่ 6 อยู่ที่ห้องโถงชั้นล่าง และ และพบศพ นายชัยเมศร์ หรือ สจ.โต้ง สิทธิสนิทพงศ์ นอนอยู่บริเวณบันไดทางขึ้น ปลายเท้าอยู่ตรงบันได และพบปลอกกระสุนหลายชนิดและหลายขนาดอยู่ข้างศพโดยนอนหงายปลายเท้าอยู่ที่บันได และพบแม็กกาซีนแบบยาวขนาด 9 มม. ตกอยู่หนึ่งอันใต้โซฟาและร่องรอยกระสุนปืนที่พื้นใกล้กับศพผู้ตาย จากนั้นขึ้นไปตรวจสอบบนชั้นที่ 2 ของบริเวณบ้านดังกล่าว
จากนั้นจึงพากันไปบันไดไปตรวจสอบบริเวณชั้นที่ 2ของบ้าน เมื่อไปพบกับ นายธนศรัณย์กรณ์ หรือ กอลฟ์ เตชะธนัตถ์โชติ ผู้ถูกจับที่ 1ให้การเบื้องต้นได้ใช้อาวุธปืนพกสั้น ออโตเมติก ขนาด 9 มม.ยิงผู้ตาย และอาวุธปืนยาว ลูกซองขนาด 12 วางอยู่ที่พื้นใกล้กับบันได และนายศักดิ์สิทธิ์ หรือ กอฟล์ หรือ ตูน ชินวงษ์ โชติ ผู้ถูกจับที่ 2 ให้การเบื้องต้นว่า ใช้อาวุธปืนลูกยาวของกลางรายการที่ 2 ที่วางอยู่ที่พื้นยิงผู้ตายในที่เกิดเหตุโดยผู้ถูกจับกุมที่ 1, 2 ให้การอีกว่า ที่ต้องยิงผู้ตายเพราะว่า เกิดทะเลาะกับผู้ตายในที่เกิดเหตุ และพบนายธนภัทร ส่งแสง ผู้ถูกจับที่ 3 และนายอภิสิทธิ์ สดชื่น ผู้ถูกจับที่ 4 อยู่บนชั้นที่ 2 ของบ้านบริเวณห้องนอนใหญ่ขึ้นบันไดอยู่ทางขวามือของบ้านหลังดังกล่าว จึงควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมที่ 1-4ไว้
จากนั้นจึงได้รายงานเหตุเบื้องต้นให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นพนักงานสอบสวนและพิสูจน์หลักฐานและแพทย์ก็มาตรวจสถานที่เกิดเหตุฯ และชันสูตร เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม จึงได้นำตัวผู้ถูกจับกุมที่ 1-7 มายัง สภ.เมืองปราจีนบุรี และแจ้งให้กับผู้ถูกจับทราบว่าจะต้องถูกจับกุมในความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
เนื่องจากคดีมีพฤติการณ์กระทำที่อุกอาจร้ายแรงไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เป็นอันตรายต่อสังคม และเชื่อว่าผู้ถูกจับกุมที่ 1-7 รู้เห็นเป็นใจ และมีการแบ่งหน้ากันทำ และมีส่วนร่วมกันในการกระทำผิด โดยผู้ถูกจับกุมที่ 7 เป็นเจ้าของบ้าน และนัดหมายให้ผู้ตายมาพบที่บ้านที่เกิดเหตุฯ จึงเชื่อว่า มีการร่วมกันกระทำผิดในคดีนี้ และเกรงว่าผู้กระทำผิดจะหลบหนี หยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรืออาจก่อเหตุร้ายประการอื่นและไม่อาจจะขอหมายจับจากศาลได้ จึงต้องจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 1-7 เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อดำเนินคดีให้ได้รับโทษตามฎหมาย ผู้ถูกจับกุมที่ 1, 2 รับว่า ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายจริง ส่วนผู้ต้องหาที่ 3-7 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นจึงบันทึกจับกุมตัวและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนุนรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 13 ธ.ค.ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมหรือฐานความผิด รายละเอียดข้อเท็จจริงในคดีเพิ่มเติมให้ผู้ต้องหาทราบตามที่ได้แจ้งให้ทราบก่อนหน้านี้ และพนักงานสอบสวนได้แจ้งพฤติการณ์และข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้ผู้ต้องหาทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายกับผู้ต้องหาที่ 7 มีความสนิทสนมกันเป็นอย่างมากจนผู้ตายบอกกับใครๆ ว่าเป็นลูกบุญธรรมของผู้ต้องหาที่ 7 ต่อมาผู้ตายกับผู้ต้องหาที่ 7 ได้มีการขัดแย้งทางการเมืองกันอย่างรุนแรงเพื่อรับเลือกตั้งเป็นนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งจะมีการเลือกตั้งภายในปี พ.ศ.2567 ที่จะถึงนี้โดยผู้ตายประสงค์จะให้ภรรยาลงรับสมัครเลือกตั้งในตำแหน่งดังกล่าว ส่วนผู้ต้องหาที่ 7 จะส่งบุคคลอื่นลงรับสมัครเลือกตั้งดังกล่าว สร้างความไม่พอใจและทำให้เกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ทำให้ต่างฝ่ายต่างระมัดระวังตัวว่าจะถูกลอบทำร้าย จึงได้มีการตระเตรียมกำลังคน อาวุธ และเครื่องกระสุนปืนไว้ ในวันเกิดเหตุ
ผู้ต้องหาที่ 1-7 ได้วางแผนที่จะฆ่าผู้ตายโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งจัดเตรียมกำลังคน อาวุธปืนร้ายแรง และเครื่องกระสุนจำนวนมาก จึงนัดหมายให้ผู้ตายมาพบผู้ต้องหาที่ 7 ที่สำนักงานที่ตั้งอยู่ใกล้กับบ้านพักที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบผู้ต้องหาที่ 7 ผู้ตายกับพวก จึงได้พากันเดินไปที่บ้านพักของผู้ต้องหาที่ 7 โดยผู้ต้องหาที่ 7 ได้ออกมาพบผู้ตายที่บริเวณหน้าบ้านพัก และได้มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง โดยระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ 1-6 ก็ได้หลบซุ่มรอก่อเหตุอยู่ภายในห้องและภายในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อการโต้เถียงกันเสร็จสิ้นลงเหมือนจะทำความเข้าใจระหว่างกันได้แล้ว ผู้ตายจึงได้เข้าไปภายในบ้านพักเพื่อจะไปส่งผู้ต้องหาที่ 7 เข้านอนและพูดคุยกันตามปกติที่เคยทำมาโดยตลอด โดยระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ 1-6 ได้แบ่งหน้าที่และแบ่งกำลังกัน โดยเตรียมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ก่อเหตุได้ดักรอผู้ตายอยู่ภายในห้องพักบนชั้นที่ 2 ของบ้านที่เกิดเหตุ ส่วนผู้ต้องหาที่ 5-6 รออยู่ที่บริเวณชั้นล่างของบ้านพัก เมื่อผู้ตายพูดคุยกับผู้ต้องหาที่ 7 เสร็จสิ้นก็ออกจากห้องพักของผู้ต้องหาที่ 7 กำลังเดินลงบันไดเพื่อลงมาที่ชั้นล่าง ระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ 1-6 ได้ไช้อาวุธปืนของกลางยิงใส่ผู้ตายหลายนัด จนตกลงมานอนเสียชีวิตที่บริเวณทางขึ้น-ลงบันใด หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปเข้าตรวจสอบในที่เหตุ และจับกุมผู้ต้องหาที่ 1-7 พร้อมตรวจยึดอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืนจำนวนมากที่ใช้ก่อเหตุที่อยู่ในที่เกิดเหตุนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
เหตุเกิดที่ ภายในบ้าน ถนนวัดโรมันอุทิศ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี
เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. เวลาประมาณ 20.30 น. พนักงานสอบสวนแจ้งพฤติการณ์และการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐานเพิ่มเติมว่า “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ผู้ต้องหารับทราบข้อกล่าวหาและขอให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และได้แจ้งสิทธิของผู้ต้องหาให้ทราบแล้ว
สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้คือ
1.อาวุธบินสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม.ยี่ห้อGlockoat สีดำ พร้อมแม็กกาซีน1 อัน บรรจุอยู่ในตัวปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 122นัด และ 1 นัดอยู่ในรัมพลิง รวมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 53นัด
2.ปืนกลมือกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ EMTAN ISRAEL สีดำ จำนวน 1 กระบอก ขนาด 9 มม. พร้อมแม็กกาซีน 1 อัน บรรจุอยู่ในตัวปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 27 นัด และ 1นัดอยู่ในรังเพลิง รวมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 28 นัด
3.แม็กกาชีน GLOCK 1 อัน เครื่องกระสุนขนาด 9มม.จำนวน 15 นัด บรรจุในแม็กกาซีน เครื่องกระสุนปืนขนาด 9มม. จำนวน 28 นัด บรรรจุในแม็กกาชีน ROCK ISLAND 1 อัน เครื่องกระสุนปืนขนาด .45 ACP. จำนวน 13นัด
4.ปืนพก กึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ ROCK ISLAND ขนาด.45 ACP. สีเทา-ดำ เครื่องกระสุนปืนปีนขนาด.45ACP. บรรรจุในแม็กกาขึ้น 1 นัดในรังเพลิง รวมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 13นัด
5.ปืนรีวอลโว่ แบบลูกโม่ ยี่ห้อ SMITH & & WESSON ขนาด 357สีเงิน พร้อมด้วยเครื่องกระสุนปืน ขนาด .357บรรจุในลูกโม่ จำนวน 6 นัด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป้าสะพายข้างสีเทา-ดำ ซุกซ่อนอยู่บริเวณเคาท์เตอร์ภายในห้องโถง
6.เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 34 นัด บรรจุในกล่อง เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 377 นัดบรรจุอยู่ในกล่อง ซุกซ่อนอยู่ในกระเป้าสะพายข้าง ดำ ซุกซ่อนอยู่บริเวณเคาท์เตอร์ภายในห้องโถง
7.เสื้อคลุมสีดำเเขนยาวมีหมวกคลุม
8.อาวุธปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม.ยี่ห้อ Glock 19 สีดำไม่ได้บรรจุเครื่องกระสุนปืน วางแอบซ่อนอยู่ใต้หมอนภายในห้องพักชั้น 3 พร้อมแม็กกาชีน 3 อัน
9.ปืนพกกึ่งอัตโนมัติยี่ห้อ บาเร็ตต้า ขนาด 9 มม. สีดำ ไม่ได้บรรจุเครื่องกระสุนปืน พร้อมแม็กกาชีน 2 อัน
10.ซิฟเวอร์กล้องวงจรปิด สีดำ 1 เครื่อง
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ,288 ,289(4) พรบ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนฯ มาตรา 4,7,8,72,72ทวิ อัตราโทษ ต้องระวางโทษประหารชีวิต
ในชั้นจับกุมเเละสอบสวนผู้ต้องหา 1-2 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่ 3-7 ให้การปฎิเสธ
โดยผู้ร้องยังต้องสอบพยานอีก 6 ปากรอผลตรวจรายนิ้วมือประวัติอาชญกรรมผู้ต้องหา รอผลตรวจพิสูจน์ของกลางจึงขออนุญาตศาลฝากขังครั้งเเรก
ในท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงเชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี, ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เนื่องจากเป็นคดีมีอัตราโทษสูงกระทำผิดเป็นอุกอาจร้ายแรง อุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญเป็นการกระทำในลักษณะของผู้มีอิทธิพลไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และความสงบเรียบร้อยของประชาชนในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะหลบหนียุ่งเหยิงกับพยานพยานหลักฐานหรือเหตุร้ายประการอื่นอาจมีการข่มขู่พยาน ทำให้ความเสียหายร้ายแรงต่อการสอบสวนดำเนินคดีโดยผู้เสียหายเเละพยานในคดีก็ขอคัดค้าน เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงเชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี, ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานด้วย
ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตฝากขังเป็นเวลา 12 วัน โดยภายหลังผู้ต้องหาที่ 3-7 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ส่วนผู้ต้องหาที่ 1-2 ไม่ยื่นคำร้อง โดยคดีนี้มีการตีราคาประกัน 4-8 เเสนบาทต่อคน
ศาลพิจารณาเเล้วไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เนื่องจากพฤติการณ์ตามคำร้องเป็นพฤติการณ์ที่อุกอาจ เเละเป็นที่สนใจของประชาชน เกรงว่าผู้ต้องหาทั้งหมดจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ประกอบกับผู้เสียหายค้านการประกันตัว หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา เกรงว่าผู้ต้องหาทั้งหมดจะหลบหนี แม้ผู้ต้องหาที่ 7 มีโรคประจำตัว แต่ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ก็ให้อำนาจราชทัณฑ์ อนุญาตให้ไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้ ในชั้นนี้จึงให้ยกคำร้อง ของผู้ต้องหาทั้ง 7 หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 ไปคุมขังยัวเรือนจำระหว่างฝากขังต่อไป