ความเคลื่อนไหวของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ในระยะนี้มีหลายเรื่องราวที่สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไม่ว่างเว้น เกิดเป็นประเด็นทางการเมืองในประเทศ และการเมืองระหว่างประเทศอีกด้วย

จากกรณีที่ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ประกาศระหว่างการเยือนประเทศมาเลเซียของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีของไทย ว่าแต่งตั้ง “อดีตนายกฯทักษิณ” อยู่ในคณะที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการของประธานอาเซียน เพื่อสนับสนุนการทำงานในช่วงเวลาสำคัญของการเป็นผู้นำภูมิภาค โดยผู้นำมาเลเซียจะรับตำแหน่งประธานอาเซียน ในปี 2568 ต่อจากนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่จะหมดวาระสิ้นเดือนธ.ค.2567

การเปิดตำแหน่งใหม่นี้เรียกเสียงฮือฮา และมีเสียงวิจารณ์ว่าจะยิ่งกลบรัศมีของ “นายกฯแพทองธาร” ในเวทีโลก ส่วนเจ้าตัวระบุว่าผู้เป็นบิดาได้รับเกียรติจาก“นายกฯอันวาร์” และ“ทักษิณ” มีกลุ่มผู้นำทั้งอดีตและปัจจุบันที่สนิท พูดคุยกันเรื่องระหว่างประเทศและเรื่องภายในประเทศตัวเองอยู่แล้ว

ด้วยเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้านที่ติดกับชายแดนภาคใต้ของไทย จึงมีข้อสงสัยว่าตำแหน่งใหม่ของ “ทักษิณ” จะช่วยแก้ไขปัญหาในดินแดนด้ามขวานไทยได้เพียงใด

มุมมองหนึ่งจาก “กษิต ภิรมย์” อดีตรมว.ต่างประเทศ เห็นว่า กรณีดังกล่าวมีทั้งคนที่ชื่นชม และคนที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งอาจมีคำถามว่าผู้นำมาเลเซียจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องในไทยหรือไม่ จะทำให้กลุ่มต่อต้าน“ทักษิณ”ยิ่งไม่พอใจหรือไม่ และ“ทักษิณ” ยังมีข้อครหาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ “กรือแซะ-ตากใบ” รวมถึงการปราบปรามยาเสพติดที่เกิดการฆ่าตัดตอนในยุค “รัฐบาลทักษิณ” ซึ่งล้วนส่งผลต่อความรู้สึกของชาวมุสลิมและประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ขณะที่สื่อต่างชาติและนักวิชาการด้านความมั่นคง มองว่า ผู้นำมาเลเซียมุ่งเน้นให้ไปทำงานสนับสนุนภารกิจในฐานะประธานอาเซียนปีหน้า คือการผลักดันฉันทามติ 5 ข้อในการหาทางออกและสร้างสันติภาพในประเทศเมียนมา

บวกกับข่าวคราวว่า “ทักษิณ” สนิทสนมคุ้นเคยกับ “พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย” ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา  รวมถึงนายทหารและอดีตนายทหารเมียนมา แถมยังพบปะกับตัวแทนกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์เมื่อช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เสมือนพยายามมีบทบาทช่วยคลี่คลายปัญหาในเมียนมา ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้“ทักษิณ”ได้รับเลือกเป็นกุนซือชุดนี้ที่จะมีบุคคลสำคัญจากประเทศสมาชิกอาเซียน

บางคนเห็นว่านี่อาจเป็นโอกาสให้ประเทศไทยได้มีบทบาทเชิงบวก จากการร่วมสร้างสันติภาพในเมียนมา แต่ปัญหาภายในเมียนมาซับซ้อนมาก

ที่สำคัญ “ทักษิณ” เคยเป็นกุนซือลักษณะคล้ายกันนี้ เมื่อปี 2552 ได้รับการแต่งตั้งจาก“สมเด็จฯ ฮุน เซน” นายกรัฐมนตรีกัมพูชาขณะนั้น ให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของกัมพูชา ถูกวิจารณ์หนักเรื่องความไม่เหมาะสม และผลประโยชน์ทับซ้อนไทย-กัมพูชา แม้ทำหน้าที่อยู่ไม่นาน แต่ส่งผลให้คนไทยจำนวนไม่น้อยหวาดระแวง “ทักษิณ” และครอบครัว “ชินวัตร” มาจนถึงทุกวันนี้

ต้องติดตามการรับบทบาทใหม่ของ “ทักษิณ” ว่าจะทำเพื่อใคร เพื่อประเทศไทย หรือเพื่อความยิ่งใหญ่ของตัวเอง.