สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ว่า ข้อมูลจากบริษัทโอจีทีเอสยู ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจด้านการส่งออกก๊าซธรรมชาติของยูเครน ระบุว่า ปริมาณก๊าซซึ่งมีการส่งออกจากท่อในรัสเซีย เพื่อเข้าสู่ยุโรปผ่านยูเครน ลดลงเหลือศูนย์ เมื่อผ่านเที่ยงคืนเข้าสู่วันที่ 1 ม.ค. 2568 ตามเวลาท้องถิ่น


สถานการณ์ดังกล่าว เป็นผลจากการที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ปฏิเสธต่อสัญญากับรัสเซีย ซึ่งสัญญาฉบับเดิมครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562

ทั้งนี้ รัสเซียส่งก๊าซไปยังยุโรปผ่านยูเครน นับตั้งแต่ปี 2534 อย่างไรก็ตาม สถิติการส่งก๊าซลดลงมาก จาก 40% เมื่อปี 2564 เหลือไม่ถึง 10% เมื่อปี 2566 เนื่องจากภาวะสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรของฝ่ายตะวันตก ที่มีต่อภาคพลังงานของรัสเซีย

ด้านราคาก๊าซในยุโรปพุ่งขึ้นสู่ระดับ 50 ยูโร (ราว 1,777.30 บาท) ต่อ 1 เมกะวัตต์ เป็นครั้งแรกในรอบนานกว่า 1 ปี จากการที่นายหน้ารับซื้อในยุโรปตะวันออก มีความวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้

ขณะที่แผนสำรองของคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) ระบุว่า ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการยุติส่งก๊าซระหว่างรัสเซียกับยูเครนครั้งนี้ จะซื้อต่อก๊าซจากตุรกี กรีซ และโรมาเนีย ผ่านเส้นทางทรานส์-บอลข่าน ส่วนก๊าซจากนอร์เวย์จะส่งผ่านทางโปแลนด์ และเยอรมนีจะเป็นจุดส่งผ่านก๊าซให้แก่ประเทศในยุโรปกลาง.

เครดิตภาพ : AFP