สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ จัดการปราศรัยครั้งใหญ่ที่กรุงวอชิงตัน เมื่อวันอาทิตย์ ยืนยันว่า นับตั้งแต่สาบานตนรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 ม.ค. นี้ เขาจะดำเนินการ “ด้วยความรวดเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และซ่อมแซมวิกฤติทั้งหมด ที่เกิดขึ้นในประเทศแห่งนี้”


ทรัมป์กล่าวถึงรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่าเป็น “องค์กรฝ่ายบริหารที่ล้มเหลว” และหนึ่งในวาระเร่งด่วนซึ่งเขาต้องการเร่งมือตั้งแต่วันแรก คือ “การยุติการรุกรานตามแนวพรมแดนทางตอนใต้” แม้ยังไม่ได้กล่าวลงลึกในรายละเอียดมากนัก แต่ทีมงานหลายคนของทรัมป์ออกมาเกริ่นแล้ว ว่าจะมีการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและควบคุมพรมแดน ตรวจค้นและจับกุมผู้อพยพลักลอบเข้าเมือง ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์แรกของการรับตำแหน่ง


ด้านนายอีลอน มัสก์ ซึ่งมีบทบาทอย่างมากต่อทรัมป์ ตั้งแต่ช่วงแคมเปญหาเสียง ร่วมปราศรัยบนเวทีด้วย และกล่าวว่า จะร่วมพัฒนาสหรัฐให้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง “ไปอีกนานหลายศตวรรษ”


อนึ่ง พิธีสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ จะเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในห้องโถงกลาง ของอาคารรัฐสภา ในกรุงวอชิงตัน เนื่องจากการพยากรณ์โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ (เอ็นดับเบิลยูเอส) ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจะเผชิญกับอิทธิพลของสภาพอากาศหนาวเย็นจัด จากลมขั้วโลก

นายอีลอน มัสก์ ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กรุงวอชิงตัน ก่อนพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของทรัมป์ ในวันที่ 20 ม.ค.


ย้อนกลับไปเมื่อปี 2528 ประธานานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน สาบานตนรับตำแหน่งสมัยที่สอง จัดขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ของสภาคองเกรส เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด


ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่า มวลชนฝ่ายสนับสนุนและประชาชนซึ่งสนใจ และมีบัตรเข้าร่วมพิธีแล้ว สามารถรับชมการถ่ายทอดสดร่วมกันได้ ที่สนามกีฬาแคปิตอล วัน ซึ่งเป็นสนามกีฬาในร่ม แล้วเขาจะเดินทางไปที่นั่น เมื่อเสร็จสิ้นพิธีอย่างเป็นทางการ


ย้อนกลับไปเมื่อ 2384 ประธานาธิบดีวิลเลียม เฮนรี แฮร์ริสัน ผู้นำสหรัฐคนที่ 9 ไม่เชื่อคำเตือนเกี่ยวกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด โดยยังคงสาบานตนภายนอกอาคาร อีกทั้งไม่มีการสวมหมวกหรือเสื้อคลุมที่หนาเพียงพอ และอีกเพียงเดือนเดียวต่อจากนั้น แฮร์ริสันถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคปอดบวม.

เครดิตภาพ : AFP