สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ว่า บริษัทโนวาแวกซ์ หนึ่งในผู้ผลิตด้านชีวเภสัชภัณฑ์ของสหรัฐ ประกาศว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีโปรตีนซับยูนิต ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นกรณีฉุกเฉิน เพื่อใช้งานในอินโดนีเซียเป็นประเทศแรกของโลก โดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ( เอสไอไอ ) ผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก จะเป็นผู้ผลิตวัคซีนดังกล่าว และจำหน่ายโดยใช้ชื่อทางการค้า “โควาแวกซ์”


ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นกลุ่มประเทศแรกในโลก ร่วมกับอินเดีย และฟิลิปปินส์ ที่โนวาแวกซ์ยื่นคำร้องขอขึ้นทะเบียนรับรองการใช้งานวัคซีนโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉิน เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้บริหารของโนวาแวกซ์ให้เหตุผลว่า ต้องการให้ประเทศ “ซึ่งมีความจำเป็นอย่างแท้จริง” ได้มีโอกาสเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพก่อน


สำหรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่โนวาแวกซ์พัฒนานั้น “ให้ประสิทธิผลในภาพรวม 90.4%” โดยสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ “หลายสายพันธุ์” ตามการเผยแพร่ข้อมูลสำคัญจากผลการทดสอบทางคลินิกระยะที่สาม เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่ลดอัตราการติดเชื้อให้กับกลุ่มเสี่ยง พบว่าวัคซีนของโนวาแวกซ์สามารถป้องกันได้ 91% และเพิ่มประสิทธิภาพเป็น 100% ในการป้องกันอาการป่วยปานกลางและรุนแรง แต่ลดลงเหลือ “ประมาณ 70%” ต่อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่โนวาแวกซ์ “ยังระบุไม่ได้”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES