นายยงยุทธ วงค์โสภา อดีตข้าราชการทหาร เล่าว่า หลังเกษียณจากการรับราชการทหาร จึงผันชีวิตมาทำการเกษตรแบบเต็มตัว ที่บ้านปฏิรูป ตำบลศรีสงคราม อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม โดยเริ่มปลูกพืชหลากหลายชนิด ลองผิดลองถูกกับการทำการเกษตรที่หลากหลาย ทั้งด้านปศุสัตว์ ประมง และพืช และพบว่าด้านปศุสัตว์ มีต้นทุนการผลิตที่สูงและเกิดการกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง เพราะผลผลิตมีปริมาณมาก หรือเมื่อเราต้องการจำหน่ายผลผลิตก็จะมีราคาที่ถูก แต่จากการที่ตนเองเดินทางไปกลับบ้านอยู่เป็นประจำและเส้นทางที่เดินทางผ่านภูเขา จึงสังเกตเห็นว่าต้นไม้บนภูเขาทำไมถึงเจริญเติบโตได้ดีตลอดทั้งปี จึงนำเอาประสบการณ์ที่พบเห็นมาปรับใช้ ในหลักของ “ภูเขา” คือ ต้นไม้ในป่าบนภูเขาที่สามารถเจริญเติบโตได้ดี สมบูรณ์ในสภาพธรรมชาติและสามารถให้ผลผลิตได้ โดยการอยู่ร่วมกันหลากหลายชนิด ที่เป็นลักษณะของของการเกื้อกูลกัน ซึ่งหลักที่สำคัญ คือ ต้นไม้ในภูเขาที่มีการเจริญเติบโตที่ดี และการนำใบไม้ที่ร่วงร่นในพื้นที่มากองหมักไว้ และรอให้ย่อยสลายโดยธรรมชาติ จากนั้นก็นำพืชที่ต้องการมาปลูก ทำให้พืชที่ปลูกเจริญเติบโตได้ดี รวมไปถึงการปลูกพืชในระยะชิดที่จะช่วยให้พื้นที่เกิดความชุ่มชื้นและเกิดการแข่งขันของต้นพืชตามธรรมชาติ ทำให้การทำการเกษตรของตนเองเป็นเรื่องที่ง่ายและใช้หลักของธรรมชาติในการบริหารจัดการเอง

น.ส.สวาด วงค์โสภา ภรรยา กล่าวว่า จากที่เริ่มต้นการทำการเกษตรในรูปแบบของการปลูกป่าบนภูเขา ทำให้เริ่มมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในการทำการเกษตรในรูปแบบนี้ซึ่งเป็นการผสมผสานที่ลงตัว เกิดความสมดุลของธรรมชาติ ทำให้ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี หรือสารเคมีต่างๆ ช่วยลดต้นทุนการผลิตและลดรายจ่ายได้มากขึ้น ปัจจุบันที่สวนมีการปลูกพืชที่หลากหลายในรูปแบบผสมผสาน เช่น ปลูกกล้วยมากกว่า 20 สายพันธุ์ มีการจำหน่ายหน่อกล้วย และผลผลิตกล้วย ไม้ผลเศรษฐกิจ เช่น ทุเรียน เงาะ นอกจากนี้ยังมีการนำถ่านไม้ มาใช้รองก้นหลุมก่อนพืชพืชและใส่รอบๆ โคนต้นพืช เพื่อช่วยกักเก็บธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับพืชและเป็นแหล่งที่อยู่ของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน และยังมีการนำเทคนิคในการฝังท่อพีวีซี กับต้นไม้ผลที่ปลูก เพื่อช่วยระบายอากาศในดินและให้น้ำถึงจุดระดับที่รากพืชที่พืชต้องการนำไปใช้ได้ทันที             

ทุกวันนี้ผลผลิตที่ออกมาไปจำหน่ายที่ตลาดในชุมชน ซึ่งผู้บริโภคให้การตอบรับที่ดีและมีปริมาณที่ไม่เพียงพอกับความต้องการ ถึงแม้ว่าจะเกิดสถานการณ์โควิด-19 ก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย เพราะการจำหน่ายผลผลิตยังสามารถจำหน่ายได้ตามปกติและนำผลผลิตที่มาประกอบอาหารได้ ทำให้ไม่ได้รับความเดือดร้อนและมีความสุขกับความเป็นอยู่ทุกวันที่ ตนเองมองว่า รู้สึกภาคภูมิใจมาก ที่ทุกวันนี้ทำการเกษตรจนสามารถส่งลูกเรียนจนจบปริญญาตรี และมีรายได้ทั้งรายวัน รายเดือน และรายปี จากการจำหน่ายผลผลิตทุกอย่างภายในสวน ทำให้การทำการเกษตรที่ตนเองต้องการประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ได้รับคัดเลือกจากสำนักงานเกษตรอำเภอศรีสงคราม ให้ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.เครือข่าย) ตำบลศรีสงคราม ที่เป็นจุดเรียนรู้ด้านการเกษตรให้กับเกษตรกร และยังเป็นแปลงต้นแบบการนำระบบส่งเสริมการเกษตรขับเคลื่อนในพื้นที่ จากสำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม นับว่าเป็นความภาคภูมิใจในอาชีพเกษตรมากสำหรับตนเองและครอบครัว สำหรับเกษตรกรที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ และสอบถามข้อมูลด้านการเกษตร สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 09-0857-6854, 09-0857-6854