สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ว่า ดับเบิลยูเอชโอระบุว่า มีการส่งยาชุดแรกไปยังมองโกเลียและอุซเบกิสถาน พร้อมทั้งมีแผนที่จะขยายโครงการไปยังเอกวาดอร์ จอร์แดน เนปาล และแซมเบีย คาดว่าจะสามารถเข้าถึงเด็กที่ป่วยเป็นมะเร็งประมาณ 5,000 คน และโรงพยาบาลอย่างน้อย 30 แห่ง ใน 6 ประเทศ ได้ภายในปีนี้
ดับเบิลยูเอชโอกล่าวอีกว่า อัตราการรอดชีวิตจากมะเร็งของเด็กในประเทศรายได้น้อยและปานกลาง ต่ำกว่า 30% เมื่อเทียบกับ 80% ในกลุ่มประเทศรายได้สูง
The disparity in #ChildhoodCancer cure rates is staggering:
— World Health Organization (WHO) (@WHO) February 11, 2025
???? More than 80% cure rate in high-income countries
???? Less than 30% in most low- and middle-income countries.
To help close this gap, WHO & @StJuderesearch are delivering life-saving childhood cancer medicines through… pic.twitter.com/R5WTaAxH00
ขณะเดียวกัน ดับเบิลยูเอชโอหวังว่า จะสามารถขยายโครงการให้ครอบคลุมถึง 50 ประเทศ ภายใน 5-7 ปีข้างหน้า ซึ่งจะรวมถึงการจัดยาให้แก่เด็ก ๆ ประมาณ 120,000 คน
รายงานระบุว่า มีเด็ก ๆ ทั่วโลกประมาณ 400,000 คน เป็นมะเร็งในแต่ละปี และคาดว่าเด็ก 70% จากสภาพแวดล้อมยากจน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ อาทิ การขาดการรักษาที่เหมาะสม การหยุดชะงักของการรักษา หรือยาคุณภาพต่ำ
อนึ่ง โครงการดังกล่าวเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2564 ด้วยความร่วมมือระหว่างดับเบิลยูเอชโอ กับโรงพยาบาลวิจัยเด็กเซนต์ จูด ที่เมืองเมมฟิส ในรัฐเทนเนสซี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา และได้ทุ่มเงินลงทุนถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6,829 ล้านบาท).
เครดิตภาพ : AFP