จากการที่ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และจะดำรงตำแหน่งครบรอบ 1 ปี ในวันที่ 20 ก.พ.68 นั้น เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและสะท้อนมุมมองของแฟนกีฬาที่มีต่อการบริหารจัดการ KBU SPORT POLL โดยศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ ม.เกษมบัณฑิต ร่วมกับสถาบันการจัดการกีฬาเพื่อองค์กรกีฬา (WISDOM) จึงสำรวจคิดเห็นเรื่อง “1 ปี กับนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ”

สำหรับการสำรวจดังกล่าว ดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ระหว่างวันที่ 14-16 ก.พ.68 โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนทั่วไปและผู้ที่สนใจติดตามข่าวสารทางการกีฬาซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,185 คน แบ่งเป็นเพศชาย 681 คน คิดเป็นร้อยละ 57.46, เพศหญิง 337 คน คิดเป็นร้อยละ 28.43 และ LGBTQLA+ 167 คน คิดเป็นร้อยละ 14.09

ซึ่งผลการวิเคราะห์ในประเด็นต่าง ๆ โดยภาพรวมพบว่า ความพึงพอใจที่มีต่อการบริหารจัดการ ส่วนใหญ่ร้อยละ 46.20 พึงพอใจระดับมาก รองลงมาร้อยละ 31.43 พึงพอใจระดับมากที่สุด ร้อยละ 14.02 พึงพอใจระดับปานกลาง ร้อยละ 5.66 พึงพอใจระดับน้อย และร้อยละ 2.69 พึงพอใจระดับน้อยที่สุด

ผลงานที่เข้าตาแฟนกีฬา ส่วนใหญ่ร้อยละ 28.51 ความมุ่งมั่นตั้งใจ รองลงมาร้อยละ 23.62 การพัฒนาและยกระดับทีมชาติ ร้อยละ 21.10 การพัฒนาและยกระดับระดับไทยลีก ร้อยละ 13.01 นักฟุตบอลทีมชาติไทย ครองแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 50 ร้อยละ 10.72 การจัดประชุมฟีฟ่าคองเกรส และอื่น ๆ ร้อยละ 3.04

ความคาดหวังที่มีต่อการพัฒนาและยกระดับวงการฟุตบอลไทย ส่วนใหญ่ร้อยละ 25.19 การวางรากฐานและโครงสร้างการพัฒนาระดับเยาวชน รองลงมาร้อยละ 22.44 การพัฒนาและเตรียมทีมชาติทุกระดับอย่างเป็นระบบ ร้อยละ 19.70 การผลักดันทีมชาติไทยทุกระดับ เข้ารอบสุดท้ายในการแข่งขันระดับทวีปและระดับโลก ร้อยละ 16.32 การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานผู้ตัดสิน ร้อยละ 13.68 การพัฒนาและยกระดับการแข่งขันไทยลีกสู่มาตรฐานสากล และอื่น ๆ ร้อยละ 2.67

ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ ม.เกษมบัณฑิต กล่าวเพิ่มเติมว่า จากผลการสำรวจดังกล่าวสะท้อนเห็นได้ว่าภายหลังที่ “นางฟ้าลูกหนัง” คุณนวลพรรณ ล่ำซำ เข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และจะครบรอบ 1ปี ในวันที่ 20 ก.พ.68 เมื่อผนวกกับผลงานและการบริหารจัดการกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความพึงพอในระดับมาก สำหรับในมิติของความพึงพอใจนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจของ KBU SPORT POLL ในโอกาสครบรอบ 6 เดือนของการรับตำแหน่ง พบว่าสัดส่วนของความพึงใจเพิ่มขึ้นในทุกมิติอย่างมีนัยสำคัญ และเมื่อพิจารณาถึงผลงานที่เข้าตาและความคาดหวังที่มีต่อการพัฒนาและยกระดับวงการฟุตบอลไทย จะเห็นว่านอกจากความมุ่งมั่นตั้งใจของนายกสมาคมฯ แล้ว กลุ่มตัวอย่างยังสะท้อนหรือส่งสัญญาณให้สมาคมฯ ดำเนินการซึ่งถือว่าหัวใจของการพัฒนาคือการวางรากฐานและโครงสร้างการพัฒนาระดับเยาวชน

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ผู้ตอบแบบสอบถามมีส่วนร่วมและสะท้อนออกมานั้น ถึงแม้จะไม่ครอบคลุมในทุกมิติของการพัฒนาก็ตาม แต่ถ้าสมาคมฯ ตระหนักและให้ความสำคัญด้วยการนำฐานข้อมูลไปใช้ประกอบสำหรับการขับเคลื่อนการบริหารจัดการก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อวงการฟุตบอลไทยได้เช่นกัน.