เมื่อวันที่ 20 ก.พ. นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี ได้ลงนามความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยการปราบปรามการซื้อขายยาเสพติดผ่านช่องทางออนไลน์ กับสํานักงานตํารวจแห่งชาติ และสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เนื่องจากที่ผ่านมา มีแนวโน้มในการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการเป็นช่องทางซื้อขายยาเสพติดเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการติดตามมอนิเตอร์คอนเทนต์ต่างๆ ไม่มีเรื่องผิดกฎหมาย และทำการปิดกั้น ปราบปราม โดยทั้ง 3 หน่วยงาน จะร่วมมือกันตั้งศูนย์มอติเตอร์ โซเซียลมีเดีย โดยนำ เอไอ มาใช้ ในการตรวจสอบข้อมูลที่อยู่บนโซเซียลมีเดียและแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหมด เพื่อนำข้อมูลมาสืบสวนต่อเพื่อจับกุมผู้กระทำความผิด

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ถือเป็นการยกระดับการแก้ปัญหาขายยาเสพติดทางออนไลน์ ปัจจุบัน มิจฉาชีพ มีการพัฒนาซื้อขายรูปแบบใหม่ เช่น ใช้โดรนขนเข้ามาจากชายแดน การใช้ระบบขนส่งเอกชนในส่งถึงผู้ซื้อ เจ้าหน้าที่ต้องมีการปรับตัว ซึ่งที่ผ่านมา ป.ป.ส. ได้มีความร่วมมือกับบริษัทขนส่งเอกชน ช่วยตรวจสอบ โดยในการสนับสนุนเครื่องเอกซเรย์ยาเสพติดแบบมือถือ เพื่อใช้ในพื้นที่ตามแนวชายแดน และท่าอากาศยานต่างๆ โดยใช้งบจากกองทุน ป.ป.ส. จำนวน 20 เครื่อง เครื่องละ 4 ล้าน เพื่อสนับสนุนในการตรวจจับในช่องทางขนส่ง อย่างไรก็ตาม หากมีการตรวจจับ ต้องดูว่าบริษัทขนส่ง มีการปล่อยปละละเลย ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ หากละเลย ทาง ป.ป.ส. มีอำนาจสั่งพักและเพิกถอนใบอนุญาตเบื้องต้นระยะเวลา 30 วัน

พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในการซื้อขายยาเสพติดผ่านช่องทางออนไลน์นั้น ในเบื้องต้น ผู้ส่งและผู้รับถือว่ามีความผิด แม้ไม่มีสินค้าจริง ในขณะที่บริษัทขนส่ง ต้องดูที่เจตนาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เช่น เจ้าหน้าที่บริษัทมีส่วนรู้เห็นด้วยก็ถือว่ามีความผิด ขณะที่แพลตฟอร์ม หากมีการรับเงินมิจฉาชีพในการโฆษณา ก็จะถือว่ามีความผิดด้วย

ด้าน พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผู้บังคับการ บก.ปอท. กล่าวว่า การค้าขายยาเสพติดผ่านช่องทางออนไลน์มีมานานแล้ว และกำลังเพิ่มขึ้น และซับซ้อนมากขึ้น จากการมอนิเตอร์การโพสต์ขาย 100 โพสต์ พบว่า 60-70% มีอายุในการโพสต์เพียง 1-2 วัน เพื่อเรียกยอดติดตามอีก 20% พบว่าในจำนวนนี้ 15% เป็นการหลอกลวงขายยา รับเงินแล้ว แต่ไม่มีสินค้าจริง ผู้ถูกหลอกก็ไม่กล้าแจ้งความ เพราะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เหลือเพียง 5% เท่านั้น ที่ตำรวจได้ล่อซื้อและพบว่ามีการขายยาเสพติดจริง