เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.พ. ที่ กระทรวงยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สตม. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษก ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมหารือ กรณีการส่งตัวชาวอุยกูร์ กลับประเทศ ภายหลังการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง นั้น

โดยนายภูมิธรรม รมว.กลาโหม ได้มีการวีดีโอคอลกับ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคง (สมช.) ผู้ที่ร่วมเดินทางไปส่งชาวอุยกูร์ ทั้ง 40 ราย โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผบ.เหตุการณ์ และตัวแทนสถานทูต ร่วมเดินทางไปด้วย

โฆษก ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจีนมีการทำหนังสือขอส่งตัวมาทางการไทย บุคคลดังกล่าวเป็นคนจีนทั้งหมด และกลุ่มอุยกูร์มีความผิดเล็กน้อยเกี่ยวกับการเข้าเมือง

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตามที่มีการอภิปรายว่า ข่าวรัฐบาลไทยมีการดำเนินการกับชาวอุยกูร์อย่างไรนั้น โดยเริ่มแรกทางการสถานฑูตจีนมีการประสานมา สิ่งที่ทุกคนเป็นห่วง ทางรัฐบาลก็มีความเป็นห่วง ว่าอาจจะส่งไปตายหรือไม่ แต่สิ่งที่เราดำเนินการนั้น เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายครบถ้วน ไม่อยากให้จินตนาการไปเอง เรื่องนี้เราดำเนินการตั้งแต่ต้นมาระยะเวลากว่า 1 เดือนแล้ว เพื่อให้ชาวอุยกูร์กลับสู่มาตุภูมิกับครอบครัวของเขา

รอง ผบช.สตม. กล่าวว่า ได้รับหนังสือทาง เลขา สมช. เพื่อให้ส่งชาวอุยกูร์ โดย พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร.ก็ได้มีคำสั่งดังกล่าว ทาง สตม.จึงดำเนินการพิธีการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับทั้ง 40 ราย เราได้มีการทำความเข้าใจ ไม่มีการใช้กำลังใดๆ และชาวอุยกูร์ทั้งหมดยินดีกลับประเทศจีน และยินยอมที่จะกลับ เราจึงดำเนินการส่งตัวกลับประเทศจีน

นายภูมิธรรม ยืนยันว่า เรากักขังเขามากว่า 10 ปี แล้ว เราพิจารณาแล้ว และเป็นไปตามกฎหมายอุ้มหาย ซ้อมทรมาน ทางจีนขอร้องมาว่าให้ส่งตัวกลับ จึงทำหนังสือผ่านทางการฑูตมาอย่างถูกต้อง และรับปากว่าจะดูแล และส่งคืนกลับสู่ครอบครัวของชาวอุยกูร์

พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง กล่าวว่า เราเอาหนังสือราชการที่เป็นภาษาอุยกูร์ โดยชาวอุยกูร์ให้ความร่วมมือ และยินดีที่จะเดินทางกลับ ตรวจร่างกายไม่พบมีบาดแผล

ทั้งนี้ รมว.กลาโหม กล่าวอีกว่า ทางเราจะไปตรวจสอบเป็นระยะ โดย 7 วันแรก พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม จะไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ ก่อน เพื่อดูแลว่าเขาเป็นอยู่อย่างไร

ขณะที่ รมว.ต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ทางรัฐบาลจะมีการติดตามตรวจสอบความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ อย่างเป็นระยะ ๆ ด้วย