สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ต้อนรับเซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ที่ทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์
ในเรื่องความสัมพันธ์ทวิภาคี ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐและสหราชอาณาจักรจะมีข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ร่วมกัน “ภายในอนาคตอันใกล้นี้” แม้ไม่ได้บอกว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่เพิ่มความหวังให้กับสหราชอาณาจักร ในการที่จะ “ได้รับการยกเว้น” จากมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐ ซึ่งแทบทุกประเทศในยุโรป “เป็นเป้าหมาย”
.@POTUS: "We're going to have a great trade agreement… for both countries. And we're working on that as we speak… We're going to make some great trade agreements with the UK and the Prime Minister." pic.twitter.com/SrJrhPhkUc
— Rapid Response 47 (@RapidResponse47) February 27, 2025
ขณะเดียวกัน สตาร์เมอร์ทำหน้าที่ผู้แทนพระองค์ สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 มอบจดหมายเชิญให้แก่ทรัมป์ ในการเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเป็นครั้งที่สองสำหรับทรัมป์ ในฐานะผู้นำสหรัฐ “และถือเป็นประวัติศาสตร์” เนื่องจากประธานาธิบดีสหรัฐทุกคนก่อนหน้านี้ ได้รับเชิญให้เยือนสหราชอาณาจักรเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แม้ดำรงตำแหน่งสองสมัยต่อเนื่องกันก็ตาม
President Trump receives an invitation from King Charles III for a second state visit to the UK.
— Rapid Response 47 (@RapidResponse47) February 27, 2025
"This is really special. This has never happened before. This is unprecedented."
???????????????? pic.twitter.com/Sycr419lFl
นอกจากนั้น สตาร์เมอร์หยิบยกเรื่องยูเครนขึ้นมาหารือกับทรัมป์ โดยเฉพาะแนวคิดทหารสันติภาพในยูเครน “ที่มีสหรัฐรับประกันด้านความมั่นคง” ซึ่งทรัมป์กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตัน “เปิดกว้างกับทุกข้อเสนอ” ที่เกี่ยวข้องกับหลักประกันด้านความมั่นคง แต่ตอนนี้ขอให้ความสำคัญกับการหาทางให้รัสเซียกับยูเครนบรรลุข้อตกลงกันก่อน
UK Prime Minister @Keir_Starmer praises President Trump for beginning negotiations to secure PEACE in Ukraine:
— Rapid Response 47 (@RapidResponse47) February 27, 2025
"The deal, if we get it, is going to be hugely important. I don't think it would've happened if the space hadn't been created for it by yourself." pic.twitter.com/SZOSeboBNU
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย “รักษาคำพูด” ว่าจะไม่รุกรานยูเครนอีก หากบรรลุข้อตกลง และผู้นำสหรัฐยังเรียกร้องให้ยุโรป “เพิ่มการแบ่งเบาภาระ” เรื่องยูเครน ซึ่งถือเป็นการปฏิเสธการเรียกร้องของสหราชอาณาจักรโดยปริยาย ที่ต้องการให้สหรัฐ “หนุนหลัง” เรื่องทหารรักษาสันติภาพในยูเครน ถือเป็นผู้นำยุโรปคนที่สอง ต่อจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ที่ต้อง “กลับบ้านมือเปล่า” ในเรื่องนี้ หลังเยือนกรุงวอชิงตัน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา.
เครดิตภาพ : AFP