สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ต้อนรับเซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ที่ทำเนียบขาว เมื่อวันศุกร์


ในเรื่องความสัมพันธ์ทวิภาคี ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐและสหราชอาณาจักรจะมีข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ร่วมกัน “ภายในอนาคตอันใกล้นี้” แม้ไม่ได้บอกว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่เพิ่มความหวังให้กับสหราชอาณาจักร ในการที่จะ “ได้รับการยกเว้น” จากมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐ ซึ่งแทบทุกประเทศในยุโรป “เป็นเป้าหมาย”


ขณะเดียวกัน สตาร์เมอร์ทำหน้าที่ผู้แทนพระองค์ สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 มอบจดหมายเชิญให้แก่ทรัมป์ ในการเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเป็นครั้งที่สองสำหรับทรัมป์ ในฐานะผู้นำสหรัฐ “และถือเป็นประวัติศาสตร์” เนื่องจากประธานาธิบดีสหรัฐทุกคนก่อนหน้านี้ ได้รับเชิญให้เยือนสหราชอาณาจักรเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แม้ดำรงตำแหน่งสองสมัยต่อเนื่องกันก็ตาม


นอกจากนั้น สตาร์เมอร์หยิบยกเรื่องยูเครนขึ้นมาหารือกับทรัมป์ โดยเฉพาะแนวคิดทหารสันติภาพในยูเครน “ที่มีสหรัฐรับประกันด้านความมั่นคง” ซึ่งทรัมป์กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตัน “เปิดกว้างกับทุกข้อเสนอ” ที่เกี่ยวข้องกับหลักประกันด้านความมั่นคง แต่ตอนนี้ขอให้ความสำคัญกับการหาทางให้รัสเซียกับยูเครนบรรลุข้อตกลงกันก่อน


อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย “รักษาคำพูด” ว่าจะไม่รุกรานยูเครนอีก หากบรรลุข้อตกลง และผู้นำสหรัฐยังเรียกร้องให้ยุโรป “เพิ่มการแบ่งเบาภาระ” เรื่องยูเครน ซึ่งถือเป็นการปฏิเสธการเรียกร้องของสหราชอาณาจักรโดยปริยาย ที่ต้องการให้สหรัฐ “หนุนหลัง” เรื่องทหารรักษาสันติภาพในยูเครน ถือเป็นผู้นำยุโรปคนที่สอง ต่อจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ที่ต้อง “กลับบ้านมือเปล่า” ในเรื่องนี้ หลังเยือนกรุงวอชิงตัน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา.

เครดิตภาพ : AFP