ศึกยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ สเตเดี้ยม กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทีมชาติอิตาลี ลงสนามดวลเกือก อังกฤษ ซึ่งห่างหายจากการคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์มานานถึง 55 ปี หรือ นับตั้งแต่ได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1966 เป็นต้นมา เปิดฉากครึ่งแรก อังกฤษ จู่โจมเร็วทันที และได้ประตูออกนำไปก่อน 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 2 จากจังหวะที่ คีแรน ทริปเปียร์ เปิดบอลข้ามฟากให้ ลุค ชอว์ วอลเลย์เข้าไปตุงตาข่ายอย่างงดงาม

ครึ่งหลัง อังกฤษ ถอยลงไปรับลึกทำให้ อิตาลี ได้ครองบอลบุกแบบวันเวย์ กระทั่งนาทีที่ 67 ความพยายามของพลพรรค “อัซซูรี” ก็ตามตีเสมอ 1-1 จนได้จากการซัดเผาขนของ เลโอนาร์โด โบนุชชี กองหลังจอมเก๋า ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีใครทำอะไรกันได้อีก ครบ 90 นาที อิตาลี เสมอ อังกฤษ 1-1 ต้องไปลุ้นกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ

ช่วงเอ็กซ์ตราไทม์ อังกฤษ พยายามเปิดเกมรุกมากขึ้น ขณะที่ อิตาลี ก็สวนขึ้นมาเป็นระยะ แต่สุดท้ายก็ไม่มีสกอร์เกิดขึ้นอีก ครบ 120 นาที อิตาลี เสมอ อังกฤษ 1-1 ต้องไปหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ ผลปรากฏว่า อิตาลี ยิงแม่นกว่าเอาชนะไปได้ 3-2 ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปไปครองเป็นสมัยที่ 2

ภาพ AP, gettyimages