คาดว่าระหว่าง 24-25 มี.ค.นี้ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และลงมติในวันที่ 26 หรือ 27 มี.ค.ของพรรคฝ่ายค้านจะใช้เวลาในการซักฟอกรวม 28 ชั่วโมง เปิดโอกาสลากยาวถึงตี 5 เล่นเอาคอการเมืองต้องอดหลับอดนอน ติดตามความเคลื่อนไหวจะสมราคาคุยหรือกลายเป็นมวยล้มต้มคนดู หวังดีลกลับไปเป็นรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่
หลังฝ่ายค้านนำทีมซักฟอกโดย “พรรคประชาชน(ปชน.)” ภายใต้ธีม “ดีลแลกประเทศ” โหมโรงโดย “เพจพรรคประชาชน” ที่อธิบายว่า คนไทยยอมสูญเสียให้บางคนได้กลับบ้าน และเพื่อให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นนายกฯ
ขณะที่นโยบายเรือธง ”ดิจิทัลวอลเล็ต“ กลายพันธุ์จนจำรูปร่างไม่ได้ พร้อมขยายบาดแผลความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล อย่างเช่น “พรรครวมไทยสร้างชาติ” และ “พรรคภูมิใจไทย” เปรียบเสมือนขี่คอ “พรรคเพื่อไทย” จนไม่สามารถผลักดันนโยบายที่หาเสียงไว้ว่าทำได้จริงหรือไม่ อาทิ กองทัพกลายเป็นเขตทหารห้ามเข้า รัฐบาลพลเรือนแตะต้องไม่ได้ ปฏิรูปกองทัพเป็นเพียงลมปาก ขณะที่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญปี 60 ไร้ความคืบหน้า เป็นต้น
ด้าน“หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน” ในฐานะหัวหน้าพรรคปชน. จะเป็นผู้ประเดิมเปิดหัว โดยจะอภิปราย ”ดีลแลกประเทศ“ คาดว่าจะพุ่งเป้าญัตติฯที่ยื่นต่อประธานสภาฯ เช่น ตอนหนึ่งที่ระบุว่า “แพทองธาร ชินวัตร” ไม่มีความเหมาะสมในการเป็นผู้นำประเทศ เป็นเพียงนายกฯหุ่นเชิด และยินยอม ให้ “ทักษิณ” ก่อนแก้ไข เป็น ”บุคคลในครอบครัว“ ชี้นำ ชักใย และเปรียบเป็นนายกฯตัวจริง
นอกจากนี้ ยังมีการแย้มให้เห็นว่าพาดพิงไปที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ เชื่อว่าจะกลายเป็นดีลสุดท้ายของตระกูลชินวัตรที่ได้กลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุกอีกด้วยเช่นเดียวกับ ”พี่ชาย“ ด้วยหรือไม่
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ นำโดย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ก็โหมโรงไม่แพ้กัน ซึ่งสังคมคาดหวังจะมีการแฉเบื้องหน้าเบื้องหลัง และมีไม้เด็ดที่สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองได้ เพราะต้องไม่ลืมว่า “บิ๊กป้อม” ถือเป็นอีกหนึ่งเจ้าพ่อดีลคนหนึ่งของไทย
โดยเฉพาะดีลลับต่างๆก็ช่วยเหลือ “ตระกูลชินวัตร” หรือไม่ในรอบช่วง 9 ปีที่มีอำนาจ และสืบทอดอำนาจผ่านพรรคการเมือง
หลังจากก่อนหน้านี้ “ลุงป้อม” ถูกมองว่าต้องการใช้เวทีซักฟอกแก้แค้น “นายใหญ่” หลังถูกเขี่ยออกจากรัฐบาลให้กลายเป็นฝ่ายค้าน
ยังมีลูกน้องเก่า เปลี่ยนค่าย ย้ายขั้ว และสลาย “พรรคพปชร.” เหลือส.ส.ในมือประมาณ 20 คน ไม่เท่านั้นยังถูกบีบ ”กล่องดวงใจ“ ในคดี ไร่ภูนับดาวจนเสียเหลี่ยมทางการเมือง ”พี่ใหญ่แห่ง 3 ป.“ มาแล้ว
จึงต้องจับตาว่า “บิ๊กป้อม” ผู้ที่ฆ่าได้หยามไม่ได้ จะใช้ใจบันดาลแรงจะกอบกู้ศักดิ์ศรีตัวเองให้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้งได้หรือไม่
กลับมาที่ “นายกฯ อิ๊งค์” แม้จะประกาศความมั่นใจ พร้อมตั้งทีม “พิทักษ์ข้อบังคับประชุมสภา” จำนวน 20 คน ทำหน้าที่ปกป้อง เช่นเดียวกับคำยืนยันจากหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ไม่แตกแถว
แต่เมื่อสังเกตอาการ สีหน้า และแววตา ผ่านการให้สัมภาษณ์สื่อฯ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อถูกถามถึง “ดีลแลกประเทศ” “นายกฯอิ๊งค์” เก็บทรงไม่อยู่ ออกอาการเหวี่ยง ถามกลับด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า “ตระกูลชินวัตรได้อะไร“
จึงเกิดคำถามว่าเมื่อถึงวันศึกฟอกจริง “ลูกสาวคนเล็กของทักษิณ “ จะควบคุมอารมณ์ พร้อมแสดงวุฒิภาวะ พิสูจน์ว่าตัวเองสามารถชี้แจงว่าเป็นนายกฯตัวจริงได้หรือไม่ เพื่อลบข้อกล่าวหา
ขณะที่พรรคประชาชน คงจะให้คำตอบ “นายกฯ อิ๊งค์” ในสภาฯ ว่า “ตระกูลชินวัตร ได้อะไรจากดีลแลกประเทศ” เช่นเดียวกับประชาชนจะได้รับทราบว่า “นายกฯแพทองธาร ชินวัตร” จะรอดพ้นจากความบอบช้ำครั้งนี้ได้หรือไม่ หรือสุดท้ายฝ่ายค้าน แพ้ภัยดีลเก่าของตัวเอง