เมื่อวันที่ 2 เม.ย. นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบโครงการต่างๆ ของกรมท่าอากาศยาน(ทย.) พบว่า มี 1 โครงการ ได้แก่ โครงการจ้างก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ และสิ่งก่อสร้างประกอบอื่น ๆ พร้อมครุภัณฑ์อำนวยความสะดวก ท่าอากาศยานนราธิวาส ที่มีผู้รับจ้างคือ กิจการร่วมค้าซีไอเอส ประกอบด้วย บริษัท ไอเอสโอ เอนจิเนียริ่ง จำกัด และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ เป็นหนึ่งในบริษัทที่สร้างตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) 30 ชั้น ที่เกิดเหตุถล่มลงมาจากแผ่นดินไหวช่วงที่ผ่านมา

นางมนพร กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการจ้างก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ฯ วงเงิน 639.89 ล้านบาท โดยเริ่มสัญญาตั้งแต่รัฐบาลยุคที่แล้ว เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2565 และได้สิ้นสุดสัญญาเมื่อวันที่ 16 ม.ค.2568 แต่เมื่อช่วงปลายปี 2567 ได้เกิดอุทกภัยในพื้นที่นราธิวาส ทำให้ได้รับการขยายอายุสัญญา โดยผลงานของโครงการในเดือน ก.พ.2568 มีความคืบหน้าเพียง 0.64% ส่งผลให้ภาพรวมของโครงการล่าช้ากว่า 61.27% มีแนวโน้มว่าผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามสัญญา ทย. จึงได้เชิญผู้รับจ้างเข้าประชุมเร่งรัดงานในวันที่ 4 มี.ค.2568 และมีเงื่อนไขว่า หากภายใน 2 เดือน โครงการไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินงานเดือนละ 5% ทย.จะยกเลิกสัญญา และแจ้งชื่อเป็นผู้ทิ้งงาน เนื่องจากผิดสัญญาจ้าง ตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

นางมนพร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันอยู่ในช่วงติดตามผลการเร่งรัด ซึ่งผู้รับจ้างทำผลงานเดือนที่ 1 (มี.ค.2568) ได้ต่ำกว่าเกณฑ์มาก มีความคืบหน้าเพียง 0.51% ส่งผลให้ภาพรวมโครงการคืบหน้าเพียง 39.24% ล่าช้ากว่าแผน 60.76% หรือล่าช้ากว่า 631 วัน ซึ่ง ทย. ได้ส่งจดหมายเตือน และติดตามผลงานในเดือนที่ 2 (เม.ย.2568) ต่อไป หากผู้รับจ้างไม่สามารถดำเนินการเร่งรัดงานได้ตามที่กำหนด แสดงว่าผู้รับจ้างไม่มีความสามารถที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จตามสัญญาได้ ทย. จะดำเนินการยกเลิกสัญญา และแจ้งชื่อเป็นผู้ทิ้งงาน ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถรับงานกับหน่วยงานรัฐได้อีก

นางมนพร กล่าวด้วยว่า ได้มอบหมายให้ ทย. แจ้งไปยังที่ปรึกษาควบคุมงาน ตรวจสอบมาตรฐานการก่อสร้าง มาตรฐานวัสดุ อุปกรณ์ในการก่อสร้างของผู้รับเหมาที่ได้ดำเนินการมาแล้วทั้งระบบอย่างละเอียด และให้รายงานทราบภายใน 3 วัน หากพบสิ่งผิดปกติ ให้รายงานและแก้ไขโดยเร่งด่วนด้วย อย่างไรก็ตามยืนยันว่า กระทรวงคมนาคมได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการก่อสร้าง โดยเฉพาะในเรื่องวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง จะต้องได้มาตรฐานตามแบบแผนที่กำหนด รวมถึงอยู่ภายใต้การกำกับดูแล และผ่านตรวจเช็คจากวิศวกรผู้ควบคุมงานอย่างใกล้ชิด.