มื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพิจารณาร่างพระรา่ชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งอยู่ในระเบียบวาระแล้วว่า แม้ร่างกฎหมายดังกล่าวจะอยู่ในระเบียบวาระการประชุม แต่ก็ไม่ใช่ว่าอยู่ในลำดับต้น โดยอยู่ลำดับที่ 15 ซึ่งเท่าที่ทราบ วิปรัฐบาลจะขอเลื่อนการพิจารณาขึ้นมาในวันที่ 9 เม.ย. นี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นตนยืนยันว่าไม่มีการเลื่อนมาพิจารณาในวันนี้ (3 เม.ย.) อย่างแน่นอน เพราะจะต้องให้สมาชิกได้มีเวลาในการศึกษาร่างกฎหมายก่อน หากเลื่อนมาในวันนี้ก็น่าจะขัดกับข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลพยายามเร่งผลักดัน ถือเป็นการโยนเผือกร้อนมาที่สภาฯ หรือไม่ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนในฐานะที่เป็นประธานต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่สามารถออกความเห็นได้ว่าเร่งรีบหรือไม่ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ เมื่อ ครม. ส่งมาเป็นเรื่องด่วน ก็ต้องบรรจุเข้าระเบียบวาระตามข้อบังคับ ส่วนการเสนอเลื่อนหรือไม่เป็นเรื่องของวิป และเป็นมติของที่ประชุมซึ่งสามารถจะเลื่อนได้ ล่วงหน้าเพื่อพิจารณาในสัปดาห์หน้าไม่ใช่ วันนี้ ทั้งนี้ตนเข้าใจเจตนารมณ์ของรัฐบาลและวิปว่า อยากจะให้กฎหมายได้เข้าสู่การพิจารณาในวาระแรกก่อนปิดสมัยประชุมและจะได้ใช้เวลาในช่วงปิดสมัยประชุม 1 เดือน ในการพิจารณาศึกษาในชั้นของคณะกรรมาธิการ (กมธ.)

เมื่อถามว่า ในการพิจารณาวันที่ 9 เม.ย. นี้ อาจมีผู้ไม่เห็นด้วยมาชุมนุมจะมีมาตรการรองรับอย่างไรนั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ญัตติหรือกฎหมายต่าง ๆ จะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย สภาก็ต้องเปิดโอกาสให้สมาชิกให้อภิปรายเต็มที่ แต่เรื่องความสงบเรียบร้อย ทางสภาต้องดูแล คือไม่ให้เกิดความไม่เรียบร้อยเกิดขึ้น และต้องเปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่างอิสระเสรี ไม่มีอะไรมากดดัน เพื่อให้สมาชิกเกิดความไม่สบายใจว่าไม่ปลอดภัย ก็คงไม่ดี ดังนั้นบรรยากาศภายในสภาต้องเหมือนปกติ แต่หากข้างนอก จะมีการมาแสดงออกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ขอให้แสดงออกอย่างสงบ ซึ่งทางสภายินดีอำนวยความสะดวกให้ ทั้งเรื่องน้ำเรื่องท่า และเรื่องอื่น ๆ รวมถึง หากต้องการจะให้ถ่ายทอดเสียงผ่านจอโทรทัศน์ก็ยินดีอำนวยความสะดวกให้ เพื่อคนที่มาอยากจัดแสดงความเห็น เราก็เปิดเสรี แต่บรรยากาศภายในห้องประชุมรอบ ๆ สภา ต้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้แสดงความเห็นโดยอิสระเสรีโดยไม่มีการกดดัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่หรือไม่ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ฝ่ายความปลอดภัยในส่วนของสภาก็มีตำรวจสภา และจะประสานท้องที่ในกรณีที่เกิดกรณีฉุกเฉิน แต่ตนก็มั่นใจว่า ตอนนี้ประชาชนพัฒนาไปเยอะแล้ว ไม่มีใครต้องการให้เกิดความวุ่นวาย แต่การแสดงความคิดเห็น ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งทั่วโลกก็เป็นเช่นนี้

เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่มีการเสนอว่าควรจะทำประชามติก่อนที่จะพิจารณากฎหมายฉบับนี้ นายวันมูหะมัดนอร์  กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นเพราะเป็นประธานสภาฯ ต้องวางตัวเป็นกลาง ขึ้นอยู่กับรัฐบาลและผู้เสนอ

เมื่อถามว่าหากพิจารณาไม่ทันในวันที่ 9 เม.ย. นี้ จะขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาหรือไม่นั้น ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ในการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ขึ้นอยู่กับรัฐบาล แต่หากสภาเห็นว่ามีความจำเป็นก็ต้องเสนอให้รัฐบาล เพื่อขอพระบรมราชานุญาตในการประกาศพระราชกฤษฎีกา เปิดสมัยประชุม รัฐสภามีหน้าที่ขอ ถ้ารัฐบาลเห็นด้วยว่ามีความจำเป็นก็ประกาศพระราชกฤษฎีกาขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญ จะประชุมเรื่องใดกี่วัน ก็เป็นเรื่องที่คุยกันทั้งสองฝ่าย