ทีมข่าวอาชญากรรม” เปิดแผลงานก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อาคารเพียงแห่งเดียวที่เสียหายหนัก ถึงขั้นถล่มลงมาเป็นชั้นเค้ก ท่ามกลางอาคารสูง และอาคารที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีกมากมาย ทำไมนี่จึงเป็นเพียงอาคารเดียวที่พังพาบ

ณ ห้วงเวลาที่การกู้ชีพคนงานใต้ซากอาคารยังไม่ลุล่วง สิ่งที่สังคมจับตาไม่แพ้กัน คือ อะไรเป็นสาเหตุให้อาคารสูงกว่า 30 ชั้น มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท กลายเป็นเพียงเศษซากชั่วพริบตา ก่อนพบข้อสงสัยมากมาย

โดยเฉพาะการพุ่งเป้าไปที่บริษัทที่รับผิดชอบงานก่อสร้างอย่าง “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด” ที่ล่าสุดชัดเจนว่ามีการใช้นอมินีคนไทยถือหุ้นแทน กลายเป็นสารตั้งต้นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เริ่มสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 32/2568 ในความผิดตาม ...การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.. 2542 หรือที่เรียกว่า คดีมอมินี

หลังพบพฤติการณ์ต้องสงสัยมี 3 ผู้ถือหุ้นคนไทย เป็นนอมินีถือหุ้นแทนในสัดส่วน 51% แบ่งเป็น

นายโสภณ ถือหุ้น 40.7997% ( 407,997 หุ้น)

นายประจวบ ถือหุ้น 10.2% (102,000 หุ้น)

นายมานัส ถือหุ้น 0.0003% (3 หุ้น)

ขณะที่อีก 49 % เป็นสัดส่วนถือหุ้นคนจีน

...ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ชำแหละพฤติการณ์อันเป็นที่สงสัยว่ามีคนไทยถือหุ้นบังหน้าแทนผู้ถือหุ้นตัวจริง เนื่องจากหากย้อนไปตรวจสอบตามกฎหมาย “การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว” โดยเฉพาะในธุรกิจก่อสร้าง เป็นเรื่องต้องห้ามของคนต่างด้าว แต่หากมีการมาประกอบกิจการในฐานะนิติบุคคล กฎหมายระบุว่า อนุญาตให้คนต่างด้าวถือหุ้นได้ในสัดส่วน 49% อีก 51% ต้องเป็นคนไทย

กลับมามองสัดส่วนของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ เบื้องต้นดีเอสไอตั้งประเด็นลุยสอบ 3 คนไทยที่ไปถือหุ้น เป็นการเข้าถือหุ้นในสถานะนอมินีใคร หรือสุดท้ายไม่ได้มีการลงทุนจริงเกิดขึ้นเลย

นั่นเพราะจากการตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐานพบว่าทั้ง 3 คนไทย ไม่ได้มี“ฐานานุรูป” หรือเรียกว่าสภาพสมควรแก่ฐานะ สมควรแก่ตำแหน่งที่จะเข้าไปถือหุ้นในธุรกิจขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ อีกทั้งดูเหมือนจะมีคนต่างด้าวที่อยู่เบื้องหลัง มีอำนาจครอบงำกิจการ

เนื่องจากหลักฐานการลงนาม การเซ็นเอกสารในสัญญากิจการร่วมค้าต่าง ๆ ดูเหมือนคนต่างด้าวจะมีอำนาจครอบครองกิจการมากกว่า จึงมีมูลเพียงพอให้สอบสวนในความผิดข้อหาการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยมีคนไทยเป็นนอมินี

อธิบดีดีเอสไอ ยังชี้พิรุธว่าในบรรดาผู้ถือหุ้นคนไทย 3 คน บางส่วนมีรายชื่อนั่งเป็นกรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่ไขว้กันในหลากหลายบริษัท ทั้งยังไปถือหุ้นกับบริษัทอื่นไม่ต่ำกว่า 3 แห่ง

จากนี้สิ่งที่ต้องค่อยๆจับตาคือการขยายผล เพื่อออกหมายเรียกพยานล็อตแรกเข้าสอบปากคำ รวมถึงการขอศาลออกหมายค้นสถานที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ไม่ว่าจะเป็น อาคารภายในซอยพุทธบูชา 44 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ / อาคารภายในซอยรัชดาภิเษก 3 แขวงและเขตดินแดง และอาคารย่านวิภาวดี กรุงเทพ

โดยเฉพาะพยานเอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารสตง. แห่งใหม่ เนื่องจากหลังตึกถล่มไม่กี่วันปรากฏภาพพิรุธ 4 พนักงานคนจีน แห่ขนลังที่บรรจุเอกสารหลายรายการออกจากจุดเกิดเหตุ

ในจำนวนนี้เป็นเอกสารผู้รับเหมาก่อสร้าง เอกสารที่เกี่ยวข้องกับคำชี้แจง หนังสือแจ้งให้ตรวจสอบงานทั่วไป เอกสารขอความคิดเห็นและทำการชี้แจงเอกสารผู้รับเหมา เอกสารผู้รับเหมาเช่าช่วงและเอกสารเกี่ยวกับผู้รับเหมา เอกสารงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้าและขนส่ง อ้างเป็นเอกสารเตรียมเคลมประกัน

ในส่วนของดีเอสไอ คดีนอมินีเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะหากขยายผลสอบสวนแล้วพบความผิดอื่นเพิ่ม ไม่ว่าจะเรื่องฮั้วประมูล หรือที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากถึงมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้อย่าง“เหล็กเส้น” เมื่อกระบวนการพิสูจน์เบื้องต้นของกระทรวงอุตสาหกรรมพบเหล็กบางยี่ห้อไม่ตรงสเปก

ทั้งหมดนี้อะไรจะเป็นสาเหตุ“ร่วม”หรือไม่กับสถานการณ์แผ่นดินไหว ที่ทำให้เกิดความเสียหาย“มากเกิน”ควรจะเป็น เรื่องนี้เป็นโจทย์ที่ดีเอสไอต้องค่อย ๆ ขุดปมลึก แล้วสาวออกมาเป็นคำตอบให้ทั้งสังคม โดยเฉพาะญาติของผู้สูญเสีย.

ทีมข่าวอาชญากรรม รายงาน