เมื่อวันที่ 7 เม.ย. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยส่วนประชาสัมพันธ์ เผยแพร่เอกสารข่าวแจกสื่อมวลชน ระบุใจความ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.) และ พ.ต.อ.เดโช โสสุวรรณากุล รอง ผบก.ตม.3 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัวผู้ต้องหา โดยในวันนี้ นายวุฒิไกร ศรีธวัช ณ อยุธยา ผอ.ส่วนสืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว และเจ้าหน้าที่ตำรวจตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้เป็นคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 136/2567 ได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ฐิติพร (สงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ของนายแพทย์บุญ ผู้ต้องหาในคดีนี้ ต้องหาว่าร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และร่วมกันฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา ได้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากหลบหนีการจับกุมในคดีไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ กองกิจการอำนวยความยุติธรรม ได้รับโอนสำนวนการสอบสวนคดีอาญาจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.67 มีผู้กล่าวหาและผู้เสียหาย จำนวนกว่า 605 ราย ปรากฏมูลค่าความเสียหาย 16,100,602,806 บาท โดยกองกิจการอำนวยความยุติธรรม ได้ทำการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมอายัดทรัพย์และส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และได้ดำเนินคดีกับนายแพทย์บุญ กับพวก รวม 16 ราย จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว จำนวน 13 ราย มีผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย ได้แก่ นายบุญ (สงวนนามสกุล) น.ส.กชพร (สงวนนามสกุล) และ น.ส.ฐิติพร (สงวนนามสกุล) หลบหนีไปยังต่างประเทศ จึงได้แจ้งไปยังองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) ออกประกาศตำรวจสากลสีแดง (Red Notice)

ต่อมา ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผอ.กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ และ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม ได้รับการประสานงานจาก พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่า จากการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการเกี่ยวกับผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีออกนอกราชอาณาจักรในคดีพิเศษนี้ รวม 3 รายดังกล่าว โดยแจ้งไปยังองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) ออกประกาศตำรวจสากลสีแดง (Red Notice) ได้รับแจ้งจากทางการสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าได้ควบคุมตัว น.ส.ฐิติพร ได้ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน จึงรายงานให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทราบและได้สั่งการให้กองกิจการอำนวยความยุติธรรม ร่วมกับกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ประสานงานร่วมบูรณาการกับกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการประสานกับทางการสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อขอความร่วมมือให้พิจารณาผลักดันผู้ต้องหารายนี้กลับมายังประเทศไทยเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ซึ่งในวันนี้ (7 เม.ย.68) ทางการสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เนรเทศผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหาเดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยเครื่องบินมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ มีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ตำรวจตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้เป็นคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 136/2567 ร่วมกันรับตัวผู้ต้องหาเพื่อส่งมอบให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการตามกฎหมาย

อนึ่ง น.ส.ฐิติพร เป็นผู้ต้องหารายที่ 14 ที่ถูกจับกุมตัวในคดีพิเศษที่ 136/2567 มีพฤติการณ์เชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมลงทุนโดยการนำเงินมาให้นายแพทย์บุญกู้ยืม ต่อมาไม่จ่ายผลตอบแทนและไม่คืนเงินต้น จึงเกิดความเสียหายในวงกว้าง กรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากที่ดีเอสไอรับตัว น.ส.ฐิติพร ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับศาลแล้วนั้น จะได้มีการนำตัวไปควบคุมไว้ยังห้องคุมขัง ชั้น 6 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ เพื่อสอบสวนปากคำว่าผู้ต้องหาประสงค์ให้การหรือไม่ให้การอย่างไรหรือไม่ รวมถึงจะได้เเจ้งสิทธิของผู้ต้องหาในการขอพบทนายความ หรือบุคคลในครอบครัว โดยพนักงานสอบสวนมีอำนาจในการควบคุมตัว 48 ชม. ซึ่งคาดว่าอย่างเร็วที่สุดในวันพรุ่งนี้ (8 เม.ย.) ไม่เกินช่วงเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะได้นำตัว น.ส.ฐิติพร ไปสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานคดีพิเศษ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เพื่อพนักงานอัยการจะได้ดำเนินการส่งฟ้องผู้ต้องหาตามหมายจับต่อศาลอาญา ทั้งนี้ ผู้ต้องหามีสิทธิ์ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นศาลได้ แต่การอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่นั้น ถือเป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณา
นอกจากนี้ ในส่วนของนายแพทย์บุญ (ผู้ต้องหารายสำคัญ) และ น.ส.กชพร (โบรกเกอร์) เจ้าหน้าที่ยังคงอยู่ระหว่างติดตามเบาะแสการหลบหนีกบดานในต่างประเทศ ส่วนภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญ ยังคงถูกฝากขังระหว่างพิจารณาคดีอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพฯ .
