จากกรณี นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ “นายกเบี้ยว” อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี พาบุตรชายคือ นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ “พีช” เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ทางหลวง 2 หลังต้องคดีขับรถเฉี่ยวชนบนทางด่วน ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 18 เม.ย. นายกฤษฎา หรือ “นายกเบี้ยว” เปิดเผยว่า วันนี้พาลูกชายเดินทางเข้ามารับทราบข้อหา ส่วนของรถยนต์ BMW คันที่เกิดเหตุ ยังไม่ได้เอามาด้วย แต่เตรียมที่จะนำเข้ามามอบให้กับตำรวจทางหลวงในวันพรุ่งนี้ และยังยืนยันว่าป้ายทะเบียนป้ายแดงที่รถของลูกชายเป็นป้ายจริง เพราะเตรียมจะขอป้ายทะเบียนให้ตรงกับเลขวันเกิด
ในส่วนประเด็นที่ว่า จะกระทบกับคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นหรือไม่ นายกฤษฎา ไม่กังวล เพราะการลงสมัครรับเลือกตั้งหากพี่น้องประชาชนไม่ไว้วางใจ ก็จะไม่ได้มีโอกาสมารับใช้ประชาชน ก็เพียงแค่อยู่บ้านแต่หากยังได้รับการไว้วางใจ ก็ยังคงช่วยเหลือประชาชนเหมือนเดิม ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนเราไม่มีสิทธิ์บังคับ

นายกฤษฎา กล่าวต่ออีกว่า ตนเองย้ำและสั่งสอนตักเตือนนายพีชมาตลอด ซึ่งครั้งนี้ลูกชายตัวเองเป็นคนผิดก็ต้องขอโทษสังคม ส่วนภรรยาพอรู้ว่าลูกชายคนเล็กไปก่อเหตุแบบนี้ขึ้นก็ร้องไห้เป็นทุกข์ ยอมรับลูกชายอาจจะมีอารมณ์ที่ร้อนด้วยอายุ หากย้อนกลับตนเองก็อาจจะมีอารมณ์ในลักษณะแบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่จริงแล้วก็ทำไม่ได้ ซึ่งในส่วนที่ลูกชายไม่โทรแจ้งตำรวจในเวลานั้น ก็เพราะว่าเขาอาจจะยังไม่มีประสบการณ์ ซึ่งลูกชายยังไม่เคยประสบเหตุแบบนี้

อย่างไรก็ตามในเรื่องการเมือง ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทย และขออย่าเอาผู้ใหญ่หรือแกนนำในพรรคเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวเองก็ไม่เคยโทรศัพท์หาผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองด้วย และไม่อยากนำเรื่องปวดหัวไปให้ผู้ใหญ่ในพรรค พร้อมยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พรรคการเมืองที่สังกัดอยู่ต้องโดนโจมตี
ภายหลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน นายพีช ได้ออกมาจากห้องสอบสวน พร้อมยกมือไหว้และพูดว่า “…ผมขอโทษทุกอย่างไปหมดแล้ว…ยืนยันว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปพบกับคู่กรณี พร้อมย้ำว่าเป็นอุบัติเหตุ ขอโทษอีกครั้ง…”

อย่างไรก็ตาม มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นในช่วงจังหวะชุลมุนที่กองทัพสื่อพยายามสัมภาษณ์และถ่ายภาพของ นายพีช ซึ่งจังหวะเจ้าตัวกำลังก้าวขึ้นรถ บังเอิญมีกล้องของช่างภาพสำนักหนึ่ง ไปกระแทกศีรษะของ นายพีช ทำให้ นายพีช หันมาด้วยความไม่พอใจ ก่อนโวยสื่อมวลชนว่า “ใครโดนหัวผม หัวผมเพิ่งเย็บมา” จากนั้นก็ก้าวขึ้นรถไป ก่อนที่คนติดตามจะหันมาย้ำกับสื่อมวลชนว่า น้องเพิ่งเย็บศีรษะมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีของ สน.ทางหลวง 2 พนักงานสอบสวน ได้แจ้ง 3 ข้อกล่าวหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นอันตรายกับบุคคลอื่น, ใบขับขี่สิ้นอายุ และนำรถที่ยังไม่ได้จดทะเบียนมาใช้ โดย นายพีช ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงเปรียบเทียบปรับข้อหาละ 2,000 บาท รวมเป็นเงิน 6,000 บาท.