สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ว่าบริษัท ดีเอชแอล เอ็กซ์เพรส ในเครือบริษัทไปรษณีย์เยอรมนี หรือ ดอยเชอร์ โพสต์ ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับ การระงับจัดส่งพัสดุหรือสินค้าจากธุรกิจถึงผู้บริโภคในสหรัฐ เฉพาะที่มีมูลค่ามากกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 26,680 บาท) ไม่ว่าจะมีต้นทางมาจากที่ใด เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.นี้ เนื่องจากกฎระเบียบด้านศุลกากรของสหรัฐที่เปลี่ยนแปลง จะทำให้กระบวนการตรวจสอบและปล่อยสินค้ายาวนานขึ้น


รายงานของดีเอชแอลอ้างว่า ทางการสหรัฐปรับเปลี่ยนกฎระเบียบดังกล่าว เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา เป็นการลดเกณฑ์จากเดิม ซึ่งกำหนดว่าสินค้าที่มีมูลค่ามากกว่า 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 83,375 บาท) ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบการนำเข้าอย่างเป็นทางการ


ทั้งนี้ ดีเอชแอลยืนยันว่า การจัดส่งพัสดุหรือสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งระหว่างธุรกิจถึงผู้บริโภค หรือ ธุรกิจถึงธุรกิจ จะไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนการจัดส่งพัสดุหรือสินค้าที่มีมูลค่ามากกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างธุรกิจถึงธุรกิจ จะยังคงดำเนินการตามปกติ แต่อาจเกิดความล่าช้า


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของดีเอชแอลเกิดขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เพิ่มอัตราการเก็บภาษีพัสดุขนาดเล็ก ที่มีต้นทางจากจีน จาก 30% ขึ้นเป็น 90% โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. นี้

คำสั่งดังกล่าวของทรัมป์ เป็นการยุติการยกเว้นภาษีศุลกากร สำหรับพัสดุขนาดเล็กซึ่งส่งออกมาจากจีน ภายใต้กฎซึ่งเรียกกันว่า “ดี มินิมิส” (de minimis) คือการที่สหรัฐอนุญาตให้พัสดุหรือสินค้า ซึ่งมีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถเข้าประเทศได้ โดยไม่ต้องเสียภาษีเพิ่ม


หมายความว่า นับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. นี้ พัสดุที่ส่งมายังสหรัฐหากมีต้นทางจากจีน และมีมูลค่าเกินเกณฑ์ของดี มินิมิส ต้องเสียภาษีในอัตรา 90% ของมูลค่า หรือ 75 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,501.25 บาท) และจะเพิ่มการเก็บค่าธรรมเนียมเป็น 150 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5,002.50 บาท) ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. นี้.

เครดิตภาพ : AFP