สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ว่า นายหวัง อี้ รมว.การต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงข่าวสรุป หลังการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่าภูมิทัศน์ระหว่างประเทศเผชิญกับผลกระทบรุนแรงจากการกระทำฝ่ายเดียว และการใช้อำนาจครอบงำ พร้อมกับเสริมว่า ยิ่งสภาพแวดล้อมภายนอกซับซ้อนและผันผวนมากเท่าใด การแสวงหาความสามัคคีและความร่วมมือของจีนกับอินโดนีเซีย ก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น

ขณะที่ พล.ท.ซาฟรี สยัมซุดดิน รมว.กลาโหมอินโดนีเซีย กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ แสดงถึงคุณค่าของการกระชับความร่วมมืออินโดนีเซีย-จีน ในภาคส่วนกลาโหม โดยชี้ให้เห็นถึงการแลกเปลี่ยนทางทหารระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ การฝึกร่วมกัน และความร่วมมือระหว่างกองทัพของประเทศต่าง ๆ กับอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังประกาศแผนจัดการซ้อมรบร่วมในปีนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณของความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงที่เติบโตขึ้น ระหว่างประเทศที่มีความขัดแย้งมาอย่างยาวนาน ในทะเลจีนใต้ที่เป็นข้อพิพาท

การซ้อมรบที่กำลังจะมีขึ้นนี้ มุ่งเน้นไปที่การต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์ที่สหรัฐใช้มาเป็นเวลานาน ในการกระชับความสัมพันธ์ทางทหารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในฟิลิปปินส์ ขณะที่รัฐบาลปักกิ่ง ยกระดับการทูตทางทหารในภูมิภาค โดยแข่งขันกับรัฐบาลวอชิงตัน เพื่อชิงอิทธิพลทางยุทธศาสตร์ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในอินโด-แปซิฟิก

อนึ่ง การประชุมดังกล่าว มีขึ้นในขณะที่รัฐบาลปักกิ่งพยายามชนะใจประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยุโรป เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศที่เป็นมิตรและศัตรู.

เครดิตภาพ : AFP