เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมกับ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม. แถลงข่าวปฏิบัติการรุกฆาตนักขนคน ครั้งที่ 2
พล.ต.ท.อิทธิพล กล่าวว่า ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร.) ได้มอบหมายให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) รวบรวมข้อมูลจากกรณีการจับกุมขบวนการลักลอบขนคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายก่อนหน้านี้ มาวิเคราะห์เพื่อขยายผลการจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้อง
ด้าน พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลผลการจับกุมตั้งแต่ 1 ต.ค. 67-31 มี.ค. 68 รวม 184 คดี เชื่อมโยง 22 เครือข่าย ได้ประสานปฏิบัติการ ”รุกฆาตนักขนคนครั้งที่ 2“ ร่วมกับ บช.น., บช.ก., ภ.1-9 ตั้งแต่วันที่ 22-26 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้ขยายผลขออนุมัติหมายจับ 34 หมาย ผู้ต้องหา 32 คน โดยตรวจค้นเป้าหมาย 60 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 27 หมาย จำนวน 25 คน เสียชีวิต 1 คน และยังหลบหนีอีก 6 คน
ทั้งนี้ในกระบวนการแรก เป็นการลักลอบขนชาวเมียนมา จากประเทศทางฝั่งภาคตะวันตกของประเทศไทย เข้ามาทางชายแดนจังหวัดตาก สามารถจับผู้ต้องหาในขบวนการได้ 5 เครือข่าย มีเครือข่ายสำคัญที่ถูกจับได้ในกระบวนการนี้ คือเครือข่าย “บังกอล์ฟ ชุมพร” ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายทั้ง 5 เครือข่าย พาคนเข้าประเทศส่งไปทำงานยังพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล บางส่วนมุ่งหน้าลงสู่ภาคใต้ ส่งข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซีย ทั้ง 5 เครือข่าย ตำรวจสามารถจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 56 คน ออกหมายจับ 33 หมายจับ มีผลการดำเนินการกับชาวต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองจำนวน 260 คน รับตรวจยึดสถานะ 15 รายการ
เมื่อถามว่าจะมีการขยายผลถึงนายทุนชาวจีน ที่เป็นตัวการในการลักลอบคนชาวจีนเข้ามาในประเทศไทยหรือไม่ พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดตากยังพบเครือข่ายนายสุทิวัส หรือวัส วังเจ้า หนึ่งในผู้ถูกออกหมายจับ กระทำความผิด ลักลอบขนชาวจีนเข้าประเทศไทย บางส่วนถูกพาข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชาหรือลาว และยังพบมีความเชื่อมโยงไปยังเครือข่ายนายวงศกร ชาวจังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นนายหน้าคนสำคัญ เป็นเครือข่ายทางภาคเหนือ โดยลักลอบผลชาวจีน มาจากชายแดนที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จังหวัดน่าน และจังหวัดตาก โดยตำรวจตรวจพบเส้นทางการเงินของนายวงศกร มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 2,000 ล้านบาท ได้ดำเนินคดีในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และได้สืบเส้นทางการเงิน ส่งเรื่องไปที่ ปปง. แล้ว เชื่อว่าจะมีการตามยึดทรัพย์ต่อไป
ส่วนประเด็นวิศวกรที่ทำงานโครงการสร้างตึก สตง. ถือวีซ่านักศึกษาจีนนั้น พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า สตม. ได้ทำงานร่วมกับดีเอสไอ โดยข้อเท็จจริงวิศวกรดังกล่าวไม่ได้ถือวีซ่านักเรียนอย่างที่เป็นกระแสข่าว แต่ถือวีซ่าขอทำงานชั่วคราว ซึ่งปัจจุบันวีซ่ายังไม่หมดอายุ
ด้าน พล.ต.ต.ภานพ กล่าวว่า นอกจากเครือข่ายที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ตำรวจยังขยายผลไปถึงเครือข่ายลักลอบขนแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน เข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และจังหวัดสระแก้ว เพิ่มเติม ซึ่งมีทั้งแรงงานชาวเมียนมา แรงงานชาวบังกลาเทศ รวมไปถึงชาวจีน รวมแล้วทั้งหมด 22 เครือข่าย 184 คดี ดำเนินคดี 193 คน จับกุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 2,641 คน ชาวเมียนมา 1,979 คน ชาวเมียนมามุสลิม 270 คน ชาวจีน 175 คน บังกลาเทศ 96 คน กัมพูชา 92 คน ลาว 9 คน อัฟกานิสถาน 9 คน เวียดนาม 41 คน ไต้หวัน 3 คน อินโดนีเซีย 2 คน ฟิลิปปินส์ 1 คน มาเลเซีย 1 คน