สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา “แมตเทิล” ซึ่งเป็นบริษัทของเล่นระดับโลกสัญชาติอเมริกัน และเป็นผู้ผลิตตุ๊กตาบาร์บี้ ประกาศแผนเตรียมปรับขึ้นราคา หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ สั่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนถึง 145%
แมตเทิลกล่าวในรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกว่า บริษัทตั้งเป้าลดสัดส่วนการผลิตสินค้าในสหรัฐเหลือต่ำกว่า 15% ภายในปี 2569 จากเดิม 20% นอกจากนั้น บริษัทจะระงับการให้คำแนะนำทางการเงินของปีนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า และภาษีศุลกากร
Mattel, the US toymaker of #Barbie dolls, said Monday it is pausing its full-year financial forecast due to sweeping US #tariff hikes and may increase prices on some toys sold in the country. #trade https://t.co/C6Csf7LKom pic.twitter.com/qlZqKiXUGA
— China Daily (@ChinaDaily) May 6, 2025
ปัจจุบัน โรงงานในจีนเป็นผู้ผลิตของเล่นเกือบ 80% ของทั้งหมดที่จำหน่ายในสหรัฐ ด้านบริษัทของเล่นหลายแห่งของสหรัฐ กล่าวว่า พวกเขาอาจขึ้นราคาสินค้าเช่นกัน เนื่องจากนโยบายภาษีศุลกากรของทำเนียบขาว
ด้านสมาคมของเล่นของสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ผลิตของเล่น 850 ราย เตือนว่า วิกฤติการณ์ขาดแคลนอาจเกิดขึ้น ก่อนเทศกาลคริสต์มาส และจากการสำรวจธุรกิจขนาดเล็ก 410 แห่ง ส่วนใหญ่ได้ยกเลิกคำสั่งซื้อ และอีกครึ่งหนึ่งเสี่ยงยกเลิกกิจการ ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้ นายแซค วาร์ริง นักวิเคราะห์จาก ซีเอฟอาร์เอ รีเสิร์ช ให้ความเห็นว่า แมตเทิลสามารถป้องกันตัวเองจากภาษีศุลกากรได้ โดยขายสินค้าที่ผลิตในจีนนอกสหรัฐมากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็สามารถขึ้นราคาเพื่อปกป้องกำไร แต่คำถามคือ “ลูกค้าอเมริกันเต็มใจจ่ายเพิ่มหรือไม่”.
เครดิตภาพ : AFP