ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า คาดการณ์ในอีก 10-15 ปีข้างหน้า ประชากรไทยราว 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 20 ล้านคนจะเป็นผู้สูงอายุ หากวิเคราะห์กันตามสถิติ ในอนาคตอีก 10-15 ปีข้างหน้า นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาและเข้าสู่โลกของการทำงาน จะต้องเหนื่อยกว่าคนในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก

ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าวต่อไปว่า ภายใต้ภารกิจ TU Care & Ageing Society กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพจะเข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมฝ่ามรสุมสังคมสูงวัย โดยมีทรัพยากรในระดับโครงสร้าง อาทิ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติฯ ที่กำลังอัปเกรดเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้ป่วยให้ได้ถึง 1,000 เตียง ศูนย์ธรรมศาสตร์ธรรมรักษ์ ศูนย์ให้การดูแลผู้สูงอายุระยะสุดท้ายแห่งแรกของประเทศที่ให้การดูแลโดยโรงเรียนแพทย์ โครงการ EEC Md บนเนื้อที่กว่า 585 ไร่ ที่จะนำไปสู่ The Health and Wellness Innopolis และจะเป็นต้นแบบ Medical Valley ของประเทศ ศูนย์พัฒนาธุรกิจและการดูแลสังคมสูงอายุ (ABCD Centre) ฯลฯ ที่ให้การสนับสนุน

รศ.ดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงรายละเอียดโครงการ TU Care & Ageing Society ตอนหนึ่งว่า ภายใต้โครงการจะมีการผสานความเป็นธรรมศาสตร์ลงไปเพื่อสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุ ผ่านทั้งการให้บริการวิชาการ การให้บริการสังคม การฝึกอบรมพัฒนาทักษะต่าง ๆ และการสื่อสารสังคม โดยในปี 2568 ซึ่งเป็นเฟสแรกของการดำเนินโครงการ ธรรมศาสตร์จะทำงานร่วมกับ จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยมี ACTION PLAN ดังนี้

ในระดับนโยบาย ธรรมศาสตร์จะให้บริการวิชาการ โดยจับมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อบจ.ปทุมธานี) กำหนดพื้นที่ Sandbox แสวงหาความต้องการตลอดจน Pain Point การดูแลผู้สูงอายุระดับชุมชน จากทั้งผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าและชุมชน จากนั้นจะนำความต้องการดังกล่าวเข้าสู่เวทีสนทนานโยบาย หรือ Policy Dialogue เพื่อตกผลึกเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายให้กับ อบจ.ปทุมธานี และเป็นโจทย์ให้ธรรมศาสตร์นำทรัพยากรเข้าไปสนับสนุนการแก้ไขปัญหาต่อไป

ในระดับพื้นที่ ธรรมศาสตร์จะนำองค์ความรู้ คณาจารย์ และงานวิจัย เข้าไปสร้างคน กล่าวคือจะสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพบุคลากร จ.ปทุมธานี ในการดูแลผู้สูงอายุ Up-Skill ให้ผู้ที่มีบทบาทดูแลผู้สูงอายุในชุมชนโดยตรง อาทิ Care-giver, กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตลอดจนการให้องค์ความรู้-การเตรียมความพร้อมสำหรับดูแลผู้สูงอายุพื้นฐานให้กับประชาชนในชุมชน ด้วยหลักสูตรที่กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้ออกแบบ

ผศ.ดร.ณัฏฐพัชร สโรบล อาจารย์ภาควิชานโยบายสังคม การพัฒนาสังคมและการพัฒนาชุมชน สาขาเชี่ยวชาญสวัสดิการผู้สูงอายุ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวถึง สถานการณ์ผู้สูงอายุในปี 2025 ที่น่าจับตา ต่อไปบทบาทของท้องถิ่นต้องทำหน้าที่จัดการความตาย หมายถึงการเก็บศพ และทำพิธีกรรมทางศาสนา นอกจากนี้สังคมไทยจะเกิดปรากฏการณ์วัย (ควร) เกษียณที่ไม่ได้เกษียณครั้งใหญ่ (Great unretirement) เพราะมีปัจจัยดังนี้ 1.ขาดแคลนแรงงานเข้ามากระทบกับสังคมไทย เป็นสถานการณ์ที่บีบเร้า 2.เงินไม่พอใช้ เพราะเราเจอสถานการณ์เงินเฟ้อ ดังนั้นเราอาจเจอสถานการณ์บูมเมอแรงเจเนอเรชัน ซึ่งเมื่อ 5 ปีก่อนสังคมไทยเจอกับภาวะรังที่ว่างเปล่า (Empty-nest Syndrome) เมื่อลูกเรียนจบออกไปใช้ชีวิตทำให้พ่อแม่รู้สึกเหงา นำไปสู่ภาวะซึมเศร้าสถานการณ์นี้เกิดในภาคเหนือ ขณะที่ปัจจุบันในพื้นที่ภาคใต้พบว่าบุตรหลานกลับคืนถิ่นเพราะไม่พอใจกับรายได้ที่จะทำงานในเมืองใหญ่ บางส่วนกลับไปทำเกษตร ทำธุรกิจกับครอบครัว และมีบางส่วนที่กลับไปไม่ทำงาน แต่ไปใช้เงินบำนาญของพ่อแม่ เท่ากับผู้สูงอายุต้องแบกรับค่าใช้จ่ายตรงนี้ นอกจากนี้มีบางครอบครัวมีปัญหาของคนต่างเจนใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัว.