สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวถึงการบรรลุข้อตกลง “สงบศึก” ทางการค้ากับจีน ซึ่งเป็นการที่ต่างฝ่ายต่างลดภาษีให้กันและกันเป็นเวลา 90 วัน ถือเป็น “การรีเซต” ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน และเปิดเผยว่า จะสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน “ภายในสัปดาห์นี้”
ทั้งนี้ ทั้งสองประเทศเห็นพ้อง ในการลดกำแพงภาษีเป็นเวลา 90 วัน ในอัตราเท่ากัน คือต้องลดลงประเทศละ 115% หมายความว่า กำแพงภาษีของสหรัฐที่มีต่อสินค้าของจีน จะลดลงจาก 145% เหลือ 30% และกำแพงภาษีของจีนที่มีต่อสินค้าของสหรัฐ จะลดลงจาก 125% เหลือ 10% ซึ่งเป็นอัตราที่สหรัฐและจีน ใช้ตอบโต้กันตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.
.@POTUS: "Yesterday, we achieved a total reset with China. After productive talks in Geneva, both sides now agree to reduce the tariffs imposed after April 2nd to 10% for 90 days as negotiators continue on the largest structural issues." pic.twitter.com/Jd6tkHo5eC
— Rapid Response 47 (@RapidResponse47) May 12, 2025
ขณะเดียวกัน สหรัฐและจีนตกลงจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อเดินหน้าการเจรจาร่วมกัน โดยหัวหน้าคณะผู้แทนของทั้งสองฝ่ายจะยังเป็นคนเดิม คือนายสกอตต์ เบสเซนต์ รมว.การคลังสหรัฐ และนายเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ส่วนฝ่ายจีนนำโดย นายเหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน และประธานคณะกรรมการกิจการการเงินและเศรษฐกิจกลางของพรรคคอมมิวนิสต์
ด้านกระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ ว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามความคาดหวัง ของผู้ผลิตและผู้บริโภคในทั้งสองประเทศ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งสองประเทศ และเป็นผลประโยชน์ร่วมของทั้งโลกด้วย
รัฐบาลปักกิ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สหรัฐจะใช้โอกาสอันดีที่เกิดขึ้น ในการเดินหน้าทำงานร่วมกับจีน เพื่อแก้ไขแนวทางปฏิบัติของการขึ้นภาษีฝ่ายเดียวซึ่งไม่ถูกต้อง และร่วมมือกันสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจโลกต่อไป.
เครดิตภาพ : AFP