จากกรณีข่าว พระธรรมวชิรานุวัตร หรือ เจ้าคุณแย้ม เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม และเจ้าคณะภาค 14 ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ภายหลังทราบว่าศาลได้อนุมัติหมายจับในคดีทุจริตยักยอกเงินวัดจำนวนกว่า 300 ล้านบาท ต่อมาทางศาลอนุมัติหมายจับอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้เจ้าคุณแย้มกำลังอยู่ระหว่างสอบปากคำตามขั้นตอนของกฎหมาย

โดยคดีดังกล่าวถูกเชื่อมโยงจากเจ้าหน้าที่แฝงตัวไปสืบร่วม 8 เดือน จนพบว่าเจ้าคุณแย้มนำเงินของวัดไปใช้ในการพนันออนไลน์ ซึ่งเงินจำนวนนี้ไม่ใช่งบประมาณของรัฐแต่เป็นทรัพย์สินของวัด ทั้งนี้ตำแหน่งทางการปกครองของพระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าคณะภาค 14 ซึ่งมีอำนาจดูแลคณะสงฆ์ในพื้นที่ 4 จังหวัด นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และสมุทรสาคร

ทั้งนี้ด้านพระธรรมวชิรานุวัตร ยังมีชื่อในตำแหน่งเกี่ยวข้องในด้านทางการศึกษาคณะสงฆ์ด้วย อาทิ ผอ.วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร วัดไร่ขิง), รองแม่กองธรรมสนามหลวง ประจำหนกลาง นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งสำคัญในเรื่องการเผยแผ่ของคณะสงฆ์อย่าง ตำแหน่งประธานกรรมการบริหารกลาง โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 อีกด้วย

ประเด็นนี้ได้รับความสนใจจากสังคมไทยอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับพระระดับสูงและด้านจริยธรรมการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด อย่างไรก็ตาม สังคมยังตั้งคำถามเพิ่มเติมว่า เงินผ่านมือพระระดับเจ้าอาวาสและพระอารามหลวงนั้นมาจากส่วนไหนบ้าง ถ้าไม่ใช่จากปัจจัยที่ญาติโยมหรือคนที่ศรัทธาถวายเข้าวัด ซึ่งวันนี้ทีมข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ได้รวบรวมข้อมูลไว้ให้แล้ว

สำหรับ “วัดไร่ขิง” บริหารงานในรูปแบบคณะกรรมการวัด และมีมูลนิธิวัดไร่ขิง รายได้หลักนอกจากศรัทธาของประชาชนที่เข้ามา ทำบุญแล้วยังมีรายได้จากการให้เช่าแผงขายสินค้าในงานประจำปีวัดไร่ขิง ซึ่งจะจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง คาดว่ามีรายได้จากการให้เช่าแผงขายสินค้าปีละประมาณ 50 ล้านบาท รวมไปถึงรายได้จากการจำหน่ายวัตถุมงคลรุ่นต่างๆ ที่คาดว่ามีรายได้ปีละประมาณ 100 ล้านบาท

แต่หลังจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ไม่สามารถจัดงานประจำปีได้ ส่งผลให้ทางวัดมีรายได้ลดลง เนื่องจากทางวัดมีโครงการก่อสร้างต่างๆ อยู่เป็นประจำ ทั้งยังให้งบสนับสนุนโรงพยาบาล สถานศึกษาในพื้นที่ด้วย จึงคาดว่าปัจจุบันวัดมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ประมาณ 50-60 ล้านบาท…