เมื่อวันที่ 24 พ.ค.68 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป.สั่งการ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป. ว่าที่ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. นำกำลังจับกุมนาง NGO สัญชาติเวียดนาม อายุ 30 ปี   นาย Ta ตามหมายจับตำรวจสากล (INTERPOL) ที่ A2159/2- 2025 แนบท้ายหมายจับตำรวจนครบาลฮานอย ที่ 20647/QĐTN-CSHS  ลงวันที่ 10 ธ.ค.67ข้อหา ไม่แจ้งความเกี่ยวกับการกระทำผิด นาย Trong อายุ 41 ปี และ นาย Ta อายุ 38 ปี สัญชาติ เวียดนาม ข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด โดยเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ได้ที่ ห้องพักโรงแรมย่านคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ     

สืบเนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุหลอกลวงชาวเวียดนามให้ร่วมลงทุน โดยวิธีเปิดเว็บไซต์ให้อินฟลูเอนเซอร์ชาวเวียดนามโฆษณาเชิญชวนให้คนลงทะเบียนลงทุนเทรดหุ้นผ่านแพลตฟอร์มซื้อขาย Forex (ซื้อขายเงินตราต่างประเทศ) หรือ คริปโต อ้างว่ามีผลตอบแทนสูงไม่มีความเสี่ยง คืนทุนเร็ว โดยให้เหยื่อเทรดหุ้นด้วยเงินจำนวนน้อยก่อนถอนเงินได้จริงเพื่อสร้างความเชื่อมั่น จากนั้นค่อยๆชักชวนให้ลงทุนเพิ่มขึ้น โดยใช้โครงสร้างการปันผลกำไรแบบเกินจริงเข้าเหยื่อล่อ เมื่อมีผู้หลงเชื่อและลงทุนเป็นเงินจำนวนที่มากขึ้น กลุ่มคนร้ายก็ตัดขาดการติดต่อกับเหยื่อทันที มีชาวเวียดนามเสียท่าไปกว่า 2,600 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนหลบหนีคดีมากบดานในประเทศไทย ทางการเวียดนามจึงประสานตำรวจสอบสวนกลางติดตามรวบตัวได้ดังกล่าว   

สอบสวนนาง NGOให้การรับสารภาพว่า ร่วมก่อเหตุจริงโดยทรัพย์สินที่ได้หัวหน้าขบวนการจะเป็นผู้บริหาร ส่วนตนได้ผลประโยชน์เป็นส่วนแบ่งนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศเวียดนามไว้เพื่อฟอกเงิน ส่วนเงินที่ใช้จ่ายในประเทศไทยจะให้คนลูกน้องโอนเงินจากบัญชีม้าที่ประเทศเวียดนามเข้ามายังบัญชีกลุ่มคนเวียดนามในประเทศไทยครั้งละประมาณ 1 ล้านบาท เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ขณะที่นาย Trong และนาย Ta จ้างให้มาทำหน้าที่เป็นรปภ.ส่วนตัว

เบื้องต้นควบคุมตัวนาง NGO ส่งทางการเวียดนามในฐานะเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนนาย Trong และนาย Ta ส่งพงส.สน.คลองตัน ดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหากลุ่มนี้มีแกนนำเป็นชาวตุรกีร่วมกับแกนนำชาวเวียดนามอีก 35 คน มีลักษณะการกระทำความผิดในรูปแบบองค์กร วางแผนแบ่งหน้าที่การทำอย่างชัดเจนมีเป้าหมายหลักเป็นคนเวียดนาม และมีการตั้งที่ทำการศูนย์ปฏิบัติการในการหลอกลวงทั่วประเทศเวียดนาม จำนวน 44 ศูนย์ปฏิบัติการ มีพนักงานกว่า 1,000 คน  ทั่วทั้งในกรุงฮานอย โฮจิมินห์ซิตี้ ดานัง หอยอันและเมืองสำคัญอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีปฏิบัติการในประเทศกัมพูชาอีกด้วย.