กระแสการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี) ยังเป็นที่น่าสนใจ แต่นักลงทุนควรรู้ในบางเรื่องที่จะทำให้เป็นเกราะป้องกัน เรียนรู้รับมือความเสี่ยงต่างๆ โดย BINANCE TH ชวนทุกคนมาจัดกระบวนทัพการลงทุนผ่านการเรียนรู้แบบมีกลยุทธ์ เพื่อรับมือกับความเสี่ยง และสร้างพื้นฐานการลงทุนที่มั่นคงในสินทรัพย์ดิจิทัล

1.DYOR: รู้จักคริปโต และอีโคซิสเต็มให้ดีก่อนลงทุน

  • เริ่มจากการรู้จักสิ่งที่เราจะลงทุนให้ดีเสียก่อน คริปโตเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล (digital assets) ที่ทำให้ปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส ทำงานอยู่บนบล็อกเชน (Blockchain) เทคโนโลยีเครือข่ายการเก็บข้อมูลแต่ละบล็อก (block) เชื่อมโยงบนเครือข่ายเหมือนห่วงโซ่ (on chain) ภายในระบบ จะบันทึกและส่งข้อมูลถึงกัน ทุกคนที่ใช้งานจะสามารถเข้าถึงและตรวจสอบได้ ดังนั้นจึงเป็นระบบที่โปร่งใส ปลอดภัย และไม่สามารถปลอมแปลงได้ ผู้ใช้งานจะเป็นเจ้าของข้อมูลโดยสมบูรณ์
  • ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยตนเอง ตั้งแต่ที่มาของเหรียญ ความน่าเชื่อถือ สถิติราคาขึ้นสุด-ลงสุด เพื่อประเมินความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ผู้ลงทุนสามารถรับได้
  • มือใหม่ นอกจากความเข้าใจในกระบวนการของคริปโตแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือความเข้าใจใน “ความผันผวนและความเสี่ยง”
  • คริปโตอาจพุ่งขึ้นวันนี้และดิ่งลงในวันพรุ่งนี้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณควรลงทุนแค่เงินที่พร้อมจะเสียได้

2.ระวังกับดัก FOMO! อย่าใจร้อนซื้อตาม Influencer รีวิวเหรียญ

  • อันตรายใหญ่ในโลกคริปโตคือความกลัวตกเทรนด์หรือพลาดโอกาส (FOMO)
  • “เหรียญมีม” หลายคนกระโดดเข้ามาลงทุนในเหรียญที่กำลังฮิตด้วยความหวังอยากรวยเร็ว บ่อยครั้งที่ราคาเหรียญทะยานจากกระแส FOMO แต่การพุ่งขึ้นนั้นไม่ยาวนาน สุดท้ายราคาจะตกฮวบลงมาอย่างรวดเร็ว
  • “ความกลัว” ใช่ว่าจะแย่เสมอไป สัญญาณความกลัวที่ยังน่าลงทุนต่อก็มีเช่นกัน เช่น ช่วงระยะที่ผ่านมา Fear & Greed Index ส่งสัญญาณกลัวขั้นสูงสุดในรอบ 3 ปี ขณะที่ราคาบิตคอยน์ก็ดิ่งลงต่อเนื่อง นักวิเคราะห์บางรายมองว่านี่อาจเป็นจังหวะขาลงก่อนฟื้นตัวในตลาด ประกอบกับสถานการณ์ปริมาณเงินทั่วโลก M2 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว ราคาบิตคอยน์ในตลาดมักจะปรับตัวสูงขึ้น 10 สัปดาห์หลังจากนั้น จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรจับตาและนำมาประกอบการตัดสินใจในการลงทุน

3.เทคนิคลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging): เริ่มเล็กๆ แบ่งซื้อทุกเดือนเพื่อการลงทุนระยะยาว

  • เป้าหมายการลงทุนควรนำมาประกอบการออกแบบ financial portfolio ของผู้ลงทุน การบาลานซ์ความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น เหรียญอย่าง บิตคอยน์ (BTC), อีเธอเรียม (ETH) หรือกลุ่มเหรียญสเตเบิลคอยน์ ที่ราคาเหรียญเหล่านี้จะขึ้นลงตามปัจจัยต่างๆ แต่โดยรวมก็มีความเสี่ยงน้อยกว่าเหรียญเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก
  • สัดส่วนการลงทุนของเหรียญต่างๆ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนรับได้ ผู้ลงทุนควรจับตาดูสถานการณ์ตลาดและปรับพอร์ตการลงทุนอยู่เสมอ
  • กุญแจสำคัญคือ “การเรียนรู้” ไม่ว่าจะเป็น การเรียนรู้เทรนด์ตลาด หรือจากนักลงทุนที่มีประสบการณ์

4.ฝึกจิตใจให้แข็งแกร่ง และรู้วิธีการอยู่รอดเมื่อตลาด Crypto ร่วงหนัก

  • ตลาดคริปโตเหมือนรถไฟเหาะทางอารมณ์ ราคาขึ้นลงแรงและเร็ว และง่ายมากที่จะถูกพัดพาไปตามกระแส โดยเฉพาะเวลาที่ราคากำลังขึ้น การตัดสินใจลงทุนตามอารมณ์นั้นมีความเสี่ยง การฝึกจิตให้นิ่งจึงจำเป็นมากสำหรับการลงทุนคริปโต
  • ถ้าคุณตั้งใจจะลงทุนระยะยาว พยายามยึดตามแผนของคุณ และจำไว้เสมอว่า นักลงทุนคริปโตที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่ผ่านพ้นช่วงตลาดผันผวนได้โดยไม่หวั่นไหวกับความผันผวนระยะสั้น

5.ลงทุนแบบ HODL: เหตุผลที่มหาเศรษฐี Bitcoin ไม่ขายแม้ราคาร่วง

  • การลงทุนคริปโตไม่ใช่วิธีรวยทางลัด แม้จะมีช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นบ้าง แต่คุณค่าจริงๆ อยู่ที่การเรียนรู้ เข้าใจตลาด บวกกับสกิลการยับยั้งชั่งใจ รอบคอบ และการปรับตัวตามตลาดในแต่ละช่วงเวลา
  • ถ้าคุณลงทุนบิตคอยน์แบบระยะยาว ความผันผวนช่วงสั้นๆ จะไม่ทำให้คุณกังวลมาก ยึดมั่นในเป้าหมาย และตัดสินใจจากข้อมูลจริง ไม่ใช่กระแสที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

6.ป้องกันเงินหาย! วิธีเก็บคริปโตให้ปลอดภัยด้วย Cold Wallet

  • หลีกเลี่ยงการเก็บเงินไว้ในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนนานๆ ซึ่งอาจจะเป็นเป้านิ่งสำหรับแฮกเกอร์ ถ้าเลือกอยู่บนแพลตฟอร์มที่ไม่ได้มาตรฐานมากพอ ลองใช้กระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์ (cold wallet) เพื่อเก็บเงินคริปโตของคุณแบบออฟไลน์ที่ปลอดภัยกว่า ใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อน และเปิดระบบยืนยันตัวตนสองชั้นบนทุกแพลตฟอร์มที่คุณใช้เก็บคริปโต

7.กฎหมายคริปโตในไทย: รู้ไว้ก่อนโดนเล่นงาน!

  • ก.ล.ต. เอาจริงรับปี 2568 เป็นเรื่องสำคัญที่นักลงทุนจะต้องรู้กฎระเบียบในประเทศล่าสุด เพื่อความปลอดภัยและการทำให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด
  • กฎหมายถือว่านักลงทุนจะต้องรับทราบกฎระเบียบการยื่นภาษีคริปโต โดยภาษีคริปโตฯ จัดอยู่ในหมวดหมู่ภาษีเงินได้ หมายถึงผู้ลงทุนได้ “กำไร” จากคริปโตเท่าไหร่ นำไปรวมกับรายได้อื่น ๆ ที่มีและคิดรายได้ตามขั้นบันไดภาษีเงินได้ตามปกติ

ที่มา : BINANCE TH By Gulf Binance