สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ว่า บริษัทแอสตราเซเนกาและมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ซึ่งร่วมกันพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ว่านับตั้งแต่ได้รับการอนุมัติเพื่อใช้งานเป็นกรณีฉุกเฉินในสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ปีที่แล้ว การส่งมอบวัคซีนกระจายไปมากกว่า 170 ประเทศ คิดเป็นจำนวนรวมกันมากกว่า 2,000 ล้านโด๊สแล้ว และเป็นผู้ส่งมอบวัคซีนรายใหญ่ที่สุด ให้แก่โครงการโคแวกซ์ ขององค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ )


ปัจจุบัน แอสตราเซเนกามีฐานการผลิตวัคซีนโควิด-19 ในอย่างน้อย 15 ประเทศ ส่วนใหญ่จำหน่ายในชื่อ “แวกเซฟเรีย” ( Vaxzevria ) ยกเว้นวัคซีนที่ผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ( เอสไอไอ ) มีชื่อทางการค้าว่า “โควิชิลด์ ( Covishield )


ทั้งนี้ แอสตราเซเนกาเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าจากการที่นานาประเทศปรับเปลี่ยนนโยบายด้านสาธารณสุข ให้เป็น “การเรียนรู้” ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับโรคโควิด-19 และการกำหนดให้โรคดังกล่าวกลายเป็น “โรคประจำถิ่น” การสั่งซื้อและแผนการใช้วัคซีนของแต่ละประเทศในปีหน้า จะมีความเป็นเชิงพาณิชย์มากขึ้น ราคาวัคซีนของแอสตราเซเนกาในอนาคต “จะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ไม่สูงจนเกินไป” ส่วนประเทศยากจนจะยังคงได้รับวัคซีนของบริษัท “ในราคาไม่แสวงผลกำไร” ต่อไปตามเดิม.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES