เมื่อเวลา 11.47 น. วันที่ 13 มิ.ย. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความพร้อมภาพผ่านเฟซบุ๊กและทวีตผ่าน X ร่วมประชุมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) นายมงคล วิศิษฏ์สตัมภ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงย่างกุ้ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมด้วย
โดยนายกฯ ระบุถึงผลการประชุมติดตามความคืบหน้าสารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักในประเทศเมียนมา ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำกกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีความเป็นไปได้ว่าจะมีสารปนเปื้อนบางชนิดมากับกระแสน้ำ โดยอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ของไทย ที่เส้นทางน้ำ เชื่อมต่อกับเมียนมา ขอยืนยันว่ารัฐบาลติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เรารวบรวมข้อมูลจากรายงานของทุกภาคส่วนทั้งในไทยและเมียนมา รวมถึงข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) GISTDA และการลงพื้นที่จริงของเจ้าหน้าที่จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ร่วมกับกองทัพ เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด วันนี้ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมรับมือในทุกมิติ
นายกฯ ระบุต่อว่า รัฐบาลได้จัดตั้งคณะทำงานด้านเทคนิค เฉพาะกรณีนี้เป็นพิเศษนำโดย นายประเสริฐ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) GISTDA กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกองทัพ เพื่อเร่งประเมินสถานการณ์ และเตรียมเดินหน้าเจรจาทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี รวมถึงใช้กลไกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission : MRC) เข้าไปร่วมพูดคุย กระบวนการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคีและพหุภาคีอาจจะใช้เวลา แต่เราต้องรีบแก้ไขผลกระทบต่อสุขภาพพี่น้องประชาชน ในระยะสั้นก่อน โดยเบื้องต้นกระทรวงทรัพยากรฯ ได้ตั้งศูนย์เฝ้าระวังประสานงานส่วนหน้าทั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย เพื่อให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าน้ำสะอาด ปลอดภัย อุปโภคได้ ในขณะเดียวกัน สถานการณ์เร่งด่วนที่อาจมีมวลน้ำเพิ่มเติมนี้ จะมีการวางแผนในระยะยาวบริเวณต้นน้ำ หามาตรการในการสร้างฝายหรือเขื่อนดักตะกอนต่อไป
นายกฯ ระบุอีกว่า แม้น้ำดิบจากลำน้ำจะมีปัญหา แต่รัฐบาลให้หลักประกันสำหรับน้ำเพื่อการอุปโภค โดยน้ำจากการประปาภูมิภาค และประปาหมู่บ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ต้องอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและปลอดภัย การประปาจะมีการกระจายเครื่องกรองน้ำระดับครัวเรือนด้วยระบบ RO ในทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อสร้างความมั่นใจอีกหนึ่งขั้น ส่วนพื้นที่ห่างไกล ทางการประปาได้เตรียมจุดจ่ายน้ำประปาเคลื่อนที่ พร้อมติดตั้งแท็งก์สำรอง ให้ประชาชนมีความมั่นใจได้ว่าปัญหาดังกล่าว จะไม่กระทบต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความปลอดภัยในสุขภาพของพี่น้องประชาชนทุกคน.