สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ว่า มี 19 ประเทศได้ให้สัตยาบันสนธิสัญญาทะเลหลวง ในการประชุมที่เมืองนีซ ทำให้มีประเทศที่เข้าร่วมอย่างเป็นทางการอย่างน้อย 50 ประเทศ จากที่ต้องการอย่างน้อย 60 ประเทศ เพื่อให้สนธิสัญญาสามารถประกาศใช้

นายโอลิวิเยร์ ปัวฟร์ ดาร์วอร์ ทูตพิเศษด้านนโยบายมหาสมุทรของฝรั่งเศส เชื่อมั่นว่า จะมีประเทศให้ความสนใจเพิ่มขึ้น เพียงพอสำหรับพิธีการให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ ที่การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) นครนิวยอร์ก ในเดือน ก.ย. นี้ และสนธิสัญญาจะมีผลบังคับใช้ ในเดือน ม.ค. 2569

ระหว่างการประชุมครั้งนี้ นานาประเทศเตรียมต่อสู้กับการทำเหมืองใต้ทะเลลึก โดยคาดหวังการบรรุลข้อตกลงในเดือน ก.ค. และสนธิสัญญาเกี่ยวกับพลาสติกในเดือน ส.ค. ที่จะถึง ซึ่งผู้นำจากมากกว่า 90 ประเทศ ร่วมกันออกแถลงการณ์เรียกร้องเชิงสัญลักษณ์ เพื่อให้สนธิสัญญาพลาสติกครอบคลุมถึงข้อจำกัดในการบริโภค และการผลิตพลาสติกใหม่

แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ จะไม่ได้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ แต่ที่ประชุมยังคงวิจารณ์แผนการของทรัมป์ ซึ่งต้องการทำเหมืองใต้ทะเลนอกเหนือเขตอำนาจศาลของสหรัฐ ทั้งนี้ทั้งนั้น กลุ่มพันธมิตรต่อต้านการทำเหมืองใต้ทะเลระดับโลก ซึ่งนำโดยฝรั่งเศส สามารถดึงดูดสมาชิกใหม่ระหว่างการประชุมได้เพียง 4 ประเทศ รวมเป็น 37 ประเทศสมาชิก

ในช่วง 5 ปีข้างหน้า มีการให้คำมั่นจากหลายภาคส่วน ว่าจะระดมเงินให้ได้ราว 8,700 ล้านยูโร (325,571) สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจของมหาสมุทรอย่างยั่งยืน ตรงกันข้ามกับประเทศร่ำรวยที่ไม่ได้ประกาศความสนับสนุนทางการเงินมากนัก ด้านฝรั่งเศสประกาศจัดสรรงบประมาณ 2 ล้านยูโร (ราว 74 ล้านบาท) เพื่อช่วยให้ประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก สามารถปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

อย่างไรก็ดี การประชุมปิดฉากพร้อมกับถ้อยแถลงร่วมทางการเมือง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดานักสิ่งแวดล้อม ว่าที่ประชุม “ละเว้นการกล่าวถึงเชื้อเพลิงฟอสซิล” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มหาสมุทรอุ่นขึ้น.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES