ของหวานเป็นเมนูอาหารที่ถูกปากและติดใจใครต่อใครได้เสมอ ทำให้สดชื่นทั้งกายและใจ แต่หากตามใจปาก รับประทานของหวานมากเกินไป จะกลายเป็นสิ่งทำลายสุขภาพ ซึ่งไม่ใช่แค่น้ำหนักพุ่งหรือโรคอ้วน แต่จะนำไปสู่โรคร้ายต่างๆ ตามมาด้วย
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีเกร็ดความรู้มาบอกเล่าเกี่ยวกับของหวาน และวิธีแก้อาการติดอาหารประเภทดังกล่าว แต่ก่อนอื่นมาดูสาเหตุของการติดใจชอบกินของหวานนั้น เป็นเพราะบรรดาขนมหวาน ลูกอม น้ำอัดลม ชานมไข่มุก ฯลฯ ทำให้หลายคนคงรู้สึกสดชื่น หายเหนื่อยหรือคลายเครียด เนื่องจากร่างกายได้รับพลังงานอย่างรวดเร็วมากกว่า
แต่การกินอาหารรสหวานจัดหรือของหวานเป็นประจำ อาจทำให้เกิดอาการติดหวาน เป็นสาเหตุของการฟันผุ อ้วนน้ำหนักเกิน ทำลายสุขภาพ และเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด

อาการคนติดหวาน
1.กินขนมหวานระหว่างวัน
2.ดื่มเครื่องดื่มรสหวาน ไม่ค่อยชอบน้ำเปล่า
3.หิวบ่อย
4.หากไม่ได้กินของหวาน จะรู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิด
5.เวลากินอาหารหรือเครื่องดื่มต้องเติมน้ำตาล

ปรับพฤติกรรมอย่างไรให้ “อ่อนหวาน”
1.ไม่อดอาหาร กินอาหารตามเวลา สารอาหารครบถ้วน และสัดส่วนที่เหมาะสม
2.สั่งเครื่องดื่มหวานน้อย ค่อย ๆ ปรับลดความหวานลง
3.ลดการซื้อขนมหรือเครื่องดื่มรสหวานระหว่างวัน หรือลดการซื้อเก็บไว้ที่บ้าน
4.ลดการปรุงเพิ่มด้วยน้ำตาล น้ำเชื่อม ทั้งในอาหารและเครื่องดื่ม
5.ดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆ
6.เลือกของว่างที่มีประโยชน์ เช่น ผลไม้หวานน้อย ถั่ว ธัญพืช
การเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาลดการกินหวานอย่างมีวินัย และทำอย่างต่อเนื่อง เพียง 21 วัน ก็จะสามารถปรับนิสัยการกินได้ และการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงนั้น จะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ช่วยปกป้องการเจ็บป่วยหรือโรคภัยไข้เจ็บได้