เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประชุมเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) เสนอนับองค์ประชุม จนทำให้องค์ประชุมล่มตอน 20.00 น. ว่า การนับองค์ประชุมเป็นสิทธิของ กมธ. ซึ่งได้ล้อเอาข้อบังคับการประชุมของสภามา แต่ต้องยอมรับความจริง เพราะเป็นเวลา 20.00 น. เศษแล้ว เราประชุมกันมาตั้งแต่ช่วงเช้า โดยไม่ได้หยุด ซึ่งบางท่านอาจจะติดภารกิจเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ในฐานะฝ่ายรัฐบาลก็มีหน้าที่การควบคุม ซึ่งต้องเน้นย้ำความสำคัญของการประชุมงบประมาณ เพื่อให้ทุกคนอยู่ตลอดเวลา

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า เพราะเราเห็นแล้วว่าเขาใช้เกมการเมืองนำหน้าเรื่องของประโยชน์การพิจารณางบประมาณ อย่างไรก็ตาม เมื่อนับองค์ประชุมแล้วองค์ประชุมไม่ครบ ก็ต้องปิดการประชุม ทำให้ข้าราชการบางส่วนต้องเดินทางกลับ ซึ่งจริงๆ แล้วเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมานั้น เราตั้งใจจะประชุมต่อให้จนถึง 22.00 น. ซึ่งเป็นที่น่าเสียดาย

รมช.คลัง กล่าวด้วยว่า ขอฝากไปยังพรรคประชาชน ว่าเวทีเรื่องของงบประมาณเป็นเวทีที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายค้าน เพราะเป็นเรื่องการตรวจสอบการทำงาน ตรวจสอบงบประมาณที่ฝ่ายบริหารเสนอเข้ามา แน่นอนว่า กมธ. ทุกคนมีหน้าที่ติดตามตรวจสอบงบประมาณให้รอบคอบ รัดกุมและเป็นประโยชน์ที่สุด ซึ่งเมื่อมีการดำเนินการอย่างเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้เราสูญเสียเวลาไป สุดท้ายการพิจารณางบประมาณ ซึ่งมีกรอบเวลาที่ชัดเจนตามรัฐธรรมนูญ กำหนดไว้ที่ 105 วัน อย่างไรก็ต้องเสร็จในกรอบนี้ ทำให้การที่เราจะพิจารณาลงรายละเอียดก็เสียเวลาไป ก็เป็นที่น่าเสียดาย

เมื่อถามว่า มีการอ้างว่าการประชุมไม่ราบรื่นเท่าที่ควรและที่ผ่านมา กมธ. ในฝั่งของรัฐบาลไม่ค่อยมาประชุมนั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า อันนี้ไม่เป็นความจริง กมธ.ฝ่ายรัฐบาลอยู่กันพร้อม แต่เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา เวลามันดึกแล้ว และวันที่มีการถกเถียงกันเรื่องถ่ายทอดสดการประชุม ช่วงบ่ายวันนั้น น.ส.รักชนก ก็ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม ซึ่งตนเป็นประธานอยู่ ซึ่งไม่ทราบว่า น.ส.รักชนก ไปไหน อาจจะไปเที่ยวก็ได้ เราก็ไม่ว่ากัน เพราะทราบว่าทุกคนก็ติดภารกิจได้ หรืออีกวัน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ. ก็ไม่ได้อยู่ในที่ประชุม เพราะติดภารกิจ ซึ่งตนก็ไม่ได้ว่าอะไร

”อย่าโยนความผิดทั้งหมดมาฝั่งเดียว หน้าที่การประชุมทุกฝ่ายต้องร่วมกันทำอยู่แล้ว แต่เมื่อจะเดินเกมในเรื่องการนับองค์ประชุม ฝ่ายรัฐบาลเราพร้อม เพราะเราต้องขับเคลื่อนประเทศ และเราเห็นประโยชน์ของงบประมาณที่จะลงไปสู่ประชาชน ต้องขับเคลื่อนให้ได้และอย่างไรต้องทำให้เสร็จตามเวลา“ นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า จากนี้ไม่กังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ถือเป็นสิทธิ ถ้าเขาจะทำก็ต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของคนให้ครบถ้วน หากเดินหน้าไม่ได้ ก็พักการประชุมและตัดเวลาในการพิจารณาออกไปในช่วงท้าย ก็ทำให้เสียเวลาในการตรวจสอบได้อีก

เมื่อถามว่า เกมการเมืองแบบนี้มองว่าเป็นการดิสเครดิตฝั่งรัฐบาลหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีอะไรเสียหาย เรื่องการตรวจสอบองค์ประชุม ต้องเข้าใจว่า การประชุม กมธ. ข้อบังคับการประชุมแตกต่างจากการประชุมสภาใหญ่ และนี่ไม่ใช่ช่วงการเปิดประชุมสภา ถ้าเปิดประชุมจะเห็นบางช่วงอาจจะหนักกว่านี้ หากห้องประชุมใหญ่มีการลงมติ สมาชิกที่เป็น สส. ก็ต้องไปลงมติ ทุกครั้งที่การประชุมงบประมาณก็มีการพักกันบ้าง รอกันบ้าง บางครั้งก็ปล่อยให้การประชุมไหลไป เพื่อรอให้สมาชิกที่ลงมติเสร็จก็กลับมา ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ต้องเกิดแน่นอน หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะสมาชิกมีแค่นี้

นายจุลพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ส่งหนังสือถึงอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เกี่ยวกับการเสนอโครงการและคำของบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ว่า เป็นการเตือน สถ. ว่ากระบวนการที่ทำ เปิดให้มีการยื่นคำขอเพียงแค่สามวัน มันอาจจะสุ่มเสี่ยงการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือล็อกสเปกได้ จึงแสดงความเป็นห่วง ก็ให้ไปดูรายละเอียดในตัวเงินว่างบประมาณที่ขอมามีความโปร่งใสหรือไม่อย่างไร

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ยังมีด่านของคณะอนุกรรมมาธิการการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธาน ที่จะพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และยังมีคณะที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานอีกชั้นหนึ่ง และจึงเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี ยังถือว่ามีอีกหลายด้าน ซึ่งการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในช่วงบ่ายวันนี้ ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ไม่มีงบประมาณในส่วนของท้องถิ่นเข้าสู่ที่ประชุม ซึ่งคณะอนุได้ดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว คิดว่ายังไม่พร้อม เพราะยังมีเรื่องของตัวเลขที่ไม่ตรงกัน ซึ่งการประชุมในวันนี้ไม่มีสะดุด เพราะที่ สตง. ได้เตือนมา ไม่ได้อยู่ในในเซตที่ได้ส่งเข้าไปในการประชุมบ่ายวันนี้.